กรมสรรพสามิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย OR และ บางจาก ลงนาม MOU บูรณาการความร่วมมือขับเคลื่อนการรับรู้ภาษีคาร์บอนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวว่า จากการที่ ครม. อนุมัติหลักการกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งเป็นกลไกราคาคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Pricing) แรกของไทยที่แสดงสัดส่วนต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในน้ำมันเชื้อเพลิงภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยสามารถคำนวณได้จากค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) คูณกับราคาคาร์บอน (Carbon Price) ที่ 200 บาท tCO2eq ซึ่งมาตรการนี้จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันใดๆทั้งสิ้น คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน ก.พ.
กรมสรรพสามิตเดินหน้าต่อ โดยวันนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่กรมสรรพสามิต คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนาม MOU ในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานในหลากหลายมิติ มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
สำหรับ OR จะให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงานรวมถึงทรัพยากรตามที่ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงร่วมกัน รวมถึงการแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการ สำหรับ พีทีที สเตชั่น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ โดยเฉพาะด้าน G: Green ที่มุ่งสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาดและการสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ
สำหรับบางจาก สมาชิกบัตรบางจากกรีนไมล์ส จะแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก เปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ภายใต้แคมเปญ "ต้นไม้ของคุณ" ซึ่งจะบันทึกข้อมูลผ่าน Bangchak Mobile Application ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมโยงพฤติกรรมการใช้น้ำมันรักษ์โลกเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเริ่มสื่อสารตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 68
โดยการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ประชาชนจะรับทราบว่ามีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) เท่าใดจากจำนวนน้ำมันที่เติม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดการปล่อย Co2
หม่อมหลวงปีกทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในคร้ังนี้จะช่วยส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โดยมาตรการนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันหรือภาระผู้บริโภค และสอดคล้องกับนโยบาย SDG ของ OR ที่มุ่งสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ
นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บางจากฯ กล่าวว่า การกำหนดกลไกราคาคาร์บอนผ่านภาษีสรรพสามิตจะช่วยจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยบางจากฯ จะใช้แคมเปญ “ต้นไม้ของคุณ” ผ่านแอปพลิเคชันบัตรบางจากกรีนไมล์ส เพื่อสร้างการรับรู้การลดก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โครงการนี้จะเริ่มสื่อสารตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 และใช้ข้อมูลจากการวิจัยประมาณ 3,500 รายในการประเมินผล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero และสร้างโลกที่ยั่งยืน
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้นอกจากทำให้เกิดการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังได้นำข้อมูลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาศึกษาวิเคราะห์และประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการดังกล่าวเพื่อใช้ในการกำหนดนโยบายในอนาคต กระทรวงการคลัง
โดยกรมสรรพสามิตได้รับความร่วมมือจาก 3 องค์กรนำร่องการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภค โดยแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการ สำหรับ พีทีที สเตชั่น และผ่าน Bangchak Mobile Application ของบริษัท บางจากฯ โดยการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ประชาชนจะรับทราบว่ามีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) เท่าใดจากจำนวนน้ำมันที่เติม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดการปล่อย Co2 ในระยะยาวได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี