เมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบัญชีม้าได้เปิดเป็นรูปแบบนิติบุคคล โดยอาศัยความเชื่อถือและนำไปหลอกลวงประชาชนว่า กระทรวงพาณิชย์ในฐานะรับผิดชอบการจดทะเบียนนิติบุคคล ได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจมาแก้ไขปัญหา รวมถึงหามาตรการป้องกัน โดยมอบหมายให้นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นหนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจ โดยสิ่งแรกที่จะดำเนินการคือการประสานงานกับศูนย์ AOC ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำรายชื่อ HR03 ที่เป็นบุคคลมีประวัติเกี่ยวกับอาชญากร ส่งมาให้กับกรมธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบย้อนกลับไปถึง 9 แสนกว่าบริษัท และบุคคลกว่า 8 หมื่นรายชื่อ แกมีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลอย่างไรบ้าง
นายนภินทร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า รายชื่อ HR03 มีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลถึง 1,159 นิติบุคคล ซึ่งทางกรมธุรกิจการค้า ได้ส่งรายชื่อเหล่านี้ไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อาทิ สำนักงานกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนกลาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำการสืบสวนต่อไป และเรามีข้อตกลงกับ AOC ให้ส่งรายชื่อ HR03 มายังกระทรวงพาณิชย์ทุกวันอังคาร โดยจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการตรวจสอบ โดยจะมีการดำเนินคดีถึงที่สุด
นายนภินทร กล่าวว่า ส่วนแนวทางป้องกัน ขณะนี้กรมธุรกิจการค้าภายใน กำลังยกร่างคําสั่งบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ใน HR03 และเกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนนิติบุคคลจะต้องมารายงานตัว ต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีตัวตนอยู่จริงไหม และบันทึกถ้อยคำต่างๆ ว่าจดทะเบียนนิติบุคคลแล้วว่าต้องการจะไปทำอะไร พร้อมกับนำส่งรายชื่อเหล่านี้ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ และ ปปง. ติดตามการดำเนินการทางธุรกรรมต่อไป ซึ่งคำสั่งเหล่านี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งคาดว่าจะทำเสร็จภายใน 1 เดือน และคาดว่าไม่น่าจะเกินช่วงต้นเดือนมีนาคมคำสั่งนี้ก็จะออกมา
นายนภินทร กล่าวว่า การที่นิติบุคคลนำ ทะเบียนบ้านหรือฐานที่ตั้ง ไปจดทะเบียนนิติบุคคลโดยที่เจ้าของบ้านหรือเจ้าของสำนักงานไม่ทราบ ในสำหรับแนวทางการป้องกันนั้น ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดว่าสถานที่ทำการนั้นมีอยู่จริง แล้วเจ้าของยินยอมหรือไม่ แต่สิ่งที่ทำได้คือการสร้างระบบเว็บไซต์ขึ้นมา ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ โดยให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของสถานที่สามารถตรวจสอบได้ว่าสถานที่ตั้ง อยู่ในการจดทะเบียนนิติบุคคล และได้ยินยอมหรือไม่
นายนภินทร กล่าวว่า หากตรวจสอบแล้วไม่ได้เป็นการยินยอมสามารถแจ้งสายด่วน กรมธุรกิจการค้า 1570 และทางกรมธุรกิจการค้าก็จะระบุลงไปในหนังสือรับรองบริษัทว่าสถานที่ดังกล่าวไม่มีที่ตั้งอยู่จริง และจะนำไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป หากพบว่าไม่มีการยินยอมให้ใช้หรือให้เช่าสถานที่ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จ ในการออกเอกสารราชการ ซึ่งถือเป็นกฎหมายมหาชน และเป็นเอกสารมหาชน ที่มีโทษจำคุกถึง 3 ปี
นายนภินทร กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินการยกร่างคำสั่งขอจดทะเบียนนิติบุคคล รวมถึงการขอย้ายฐานที่ตั้ง ต้องมีเอกสารประกอบเพิ่มขึ้น คือหนังสือยินยอมของเจ้าบ้าน หรือหนังสือสัญญาให้เช่า รวมถึงบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของเจ้าบ้านมาประกอบ ซึ่งอยู่ระหว่างการร่างและทำประชาพิจารณ์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน นอกจากนี้ ได้มีการประสานไปยังไปรษณีย์ไทย ว่ารายชื่อในที่ตั้งเหล่านี้ ในอนาคตจะใส่ลงไปใน Google Maps เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบ ว่านิติบุคคลมีฐานที่ตั้งจริงหรือน่าเชื่อถือหรือไม่ เป็นวิธีการป้องกันและปราบปราม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีประชาชนที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบ เข้ามาร้องเรียนหรือไม่ นายนภินทร กล่าวว่า ในส่วนที่มีการแจ้งเข้ามา ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะดีเอสไอ ซึ่งได้มีการสืบสวนตามอำนาจหน้าที่ และส่งต่อไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการป้องกัน โดยขึ้นเป็นสีของบัญชีม้าต่างๆ ให้กับธนาคารต่างๆ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี