แสนสิริเดินหน้าตามแนวทางพัฒนาโครงการที่ตนถนัด โดยมุ่งเน้นตลาดพรีเมียมและมีเดียมมากขึ้น ลดสัดส่วนโครงการในกลุ่มแอฟฟอร์เดเบิล เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจไทย ในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิด 29 โครงการ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท แม้ว่าจำนวนโครงการจะลดลง 32% แต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้น 12%
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา ครบรอบ 40 ปีของแสนสิริที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง ขณะที่แสนสิริยังคงมีอัตราเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง สร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ได้แก่ การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้แสนสิริประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท และยอดโอน (รวมโครงการร่วมทุน) อยู่ที่ 43,700 ล้านบาท สามารถ Sold Out ได้ถึง 25 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ รวมทั้งการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ไฮไลต์ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา แสนสิริยังรุกหนักแผน Strategic Location โดยชู “ภูเก็ต” และ “เชียงใหม่”เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการขยายธุรกิจในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริสร้างยอดขายในตลาดต่างจังหวัดได้ถึง 10,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 120% โดยเฉพาะ ภูเก็ต ซึ่งเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูง ซึ่งแสนสิริยังได้เปิดตัว “The Society” (เดอะ โซไซตี้) โซเชียล สเปซ แห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ต ใจกลางย่านบางเทา – เชิงทะเล โลเคชันมาแรงที่ได้รับความสนใจและเติบโตสูงสุดในภูเก็ตในช่วงปลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตามปี 2568 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ ที่มีชาเลนจ์ในหลากหลายด้าน สำหรับแสนสิริในฐานะรายใหญ่และเป็นเจ้าตลาดฯ เราขอร่วมขับเคลื่อนตลาด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรม ผ่านแผนธุรกิจปี 68 ภายใต้แนวคิด Dynamic Growth เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยการวางแผน
“เปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่า 52,000 ล้านบาท แนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียม 15 โครงการ) ตั้งเป้าหมายยอดขาย 53,000 ล้านบาท เป้าหมายยอดโอน 46,000 ล้านบาท แผนแนวราบเดินหน้าเปิดตัว 14 โครงการ มูลค่า 31,600 ล้านบาท ครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี ที่แสนสิริบุกตลาดพรีเมี่ยมและมีเดียมครอบคลุมทุกทำเลมากที่สุด ไฮไลต์ คือ บ้านเดี่ยวแบรนด์ นาราสิริ”
ทั้งนี้ 3 โครงการใหม่ ครอบคลุมมุมเมืองรอบกรุงเทพฯ อาทิ นาราสิริ บางนา กม.10 ราคาเริ่ม 60-150 ล้านบาท อยู่ใน SANSIRI 10 EAST ลักซ์ชัวรีคอมมูนิตี้ใหม่ในย่านบางนา (พรีเซลมีนาคมนี้) ถัดมา “DEMI” (เดมี) ลักซ์ชัวรี เรสซิเดนท์แนวคิดใหม่ หลังประสบความสำเร็จจากโครงการแรก เดมี สาธุ 49 ตอกย้ำผู้นำตลาดอสังหาฯ ลักซ์ชัวรีไทย กับ เดมี พระราม 9 เหม่งจ๋าย ราคาเริ่ม 27.9 ล้านบาท (พรีเซลไตรมาส 2) และการกลับมาของแบรนด์ “บุราสิริ” หลังจากลูกค้ารอคอยมานาน กับบุราสิริ จตุโชติ ราคา 13.5-25 ล้านบาท(พรีเซลไตรมาส 3) อยู่ในจตุโชติ คอมมูนิตี้ ขนาดกว่า 184 ไร่ และครั้งแรกกับเศรษฐสิริ เกาะแก้ว (ภูเก็ต) ราคา 12-20 ล้านบาท (พรีเซลไตรมาส 3)
สำหรับคอนโดมิเนียม เตรียมเปิดตัวรวม 15 โครงการ มูลค่า 20,400 ล้านบาท เร่งขยายพอร์ตคอนโด
ในเมืองและ Strategic Location ประเดิมโครงการใหม่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในขณะนี้คือ พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 (PTY Residence Sai 1) หนึ่งเดียวที่ไม่มีใครเหมือน บนถนนพัทยา สาย 1 (Only Step to the Beach*) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ราคาเริ่ม 6.99 ล้านบาท และครั้งแรกของการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในทำเล “นางลิ้นจี่” ทำเลที่เป็น Hidden Gem กลางเมืองโลเคชันที่หายาก มูลค่า 3,100 ล้านบาท อีกหนึ่งโครงการที่ทุกคนจับตามองคือคอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิท “เวีย สุขุมวิท 34” มูลค่า 1,300 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมแบรนด์ HAUS โครงการล่าสุดใน T77 มูลค่า 2,800 ล้านบาท ที่จะเติมเต็ม Portfolio แสนสิริให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เราเห็นเซ็นทิเมนต์ตลาดหลายประการที่มีการตั้งคำถามไม่ว่าจะเป็นทิศทางดอกเบี้ย กำลังซื้อของผู้บริโภค สำหรับ แสนสิริ เราขอชวนมองในปัจจัยอื่น ที่เป็นแรงสนับสนุนแผนการเติบโต Dynamic Growth ในปีนี้ อาทิ การโอนบ้านมือสอง การปล่อยเช่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้คนทำงานหาที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น เราพบว่าคนยังหาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้านอยู่ (บ้านยังเป็นปัจจัย 4 รวมถึงการขยายแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ปี 2568 แสนสิริให้ความสำคัญกับ 5 คีย์ไดร์เวอร์ในการขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ 1.ขยายการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มสินค้าระดับลักซ์ชัวรีและพรีเมี่ยมในทำเลใหม่ที่มีศักยภาพสูง 2. เร่งเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ เพิ่ม Backlog สนับสนุนการสร้างรายได้ระยะยาว 3.รุกต่อ Strategic Locations ขยายการพัฒนาโครงการไปยังแหล่งท่องเที่ยว4. ขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน 5.แสนสิริยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียวและเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ผนวกเข้าไปในทุกๆ กระบวนการ
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี