สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (สำนักงาน กสทช.) ได้จัดงานการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ ร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz และ 26 GHz และ ร่างประกาศ กสทช. เรื่อง แผนความถี่วิทยุฯ ที่เกี่ยวข้อง
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือกว่า 100 ล้านราย โดยใช้เครือข่าย 4G ประมาณ 99.15% และ 5G ประมาณ 91% ทั่วประเทศ มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2572 จะมีความต้องการใช้งานบรอดแบนด์เคลื่อนที่ภายในประเทศมากถึง 1,156 GB ต่อคนต่อปี และจะมีการประยุกต์ใช้ Smart 5G ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตของภาคการเกษตร การจัดระเบียบเมืองให้ปลอดภัย การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่แม่นยำ การพัฒนาด้านการศึกษา รวมถึงการพัฒนาระบบการสื่อสารความเร็วสูงให้มีความทันสมัย รองรับกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะระบบสาธารณสุข การเข้าถึงทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยข้อมูลเพื่อช่วยเหลือชีวิตคนอย่างทันท่วงที
ดังนั้น กสทช. จึงมุ่งมั่นที่จะขยายเครือข่าย 5G เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนและทุกภาคส่วน จะได้รับความสะดวกสบายในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สามารถเชื่อมต่อ และส่งข้อมูลได้ในทันที หากมองไปไกลกว่าการจัดสรรคลื่นความถี่ กสทช. มุ่งหวังที่จะผลักดัน ให้เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม แม้ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านระบบโทรคมนาคม ด้วยการใช้ประโยชน์ในระบบสาธารณสุข การเงิน การขนส่ง และการผลิต โดยมีคลื่นความถี่เป็นปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่าต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะเล็งเห็นถึงความจำเป็นของการจัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อนำไปใช้งานในภาคส่วนต่าง ๆ
ขณะเดียวกันกระแสการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลล้ำยุค อย่าง AI ที่ทั้งหน่วยงานรัฐและองค์กรเอกชน เริ่มเตรียมความพร้อมนำไปใช้งานอย่างกว้างขวาง รวมถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมอื่น ๆ เช่น 5.5G คลาวด์ และ Use case ใหม่ ๆ ซึ่งต้องอาศัยคลื่นความถี่ และระบบโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และสอดประสานกัน เพื่อเป็นกลไกในการผลักดันขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนผ่านระบบอัจฉริยะ แห่งอนาคต นำไปสู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ กสทช. ในฐานะองค์กรกำกับดูแล จะสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันนโยบายจัดสรรคลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพ มีความโปร่งใสและยุติธรรม ด้วยการออกแบบหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน และเกิดการแข่งขันอย่างแท้จริงในการประมูล เพื่อให้เกิดการนำคลื่นความถี่ไปต่อยอดการใช้งานที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัล ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ นำไปสู่ความสำเร็จในการขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุค 5G and beyond
อย่างไรก็ตามการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ ร่างประกาศ กสทช.ฯ ได้จัดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 โดยได้เชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. ทั้ง 4 ฉบับข้างต้น ซึ่งสามารถนำส่งแบบแสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2568 จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ในเวลา 16.30 น.
สำหรับการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลในครั้งนี้ มีทั้งหมด 6 ย่านความถี่ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ คลื่นความถี่แบบเป็นคู่ (Paired band) เทคโนโลยี FDD คือ ย่าน 850 MHz รองรับ 3G ย่าน 1800 MHz รองรับ 3G 4G และ ย่าน 2100 MHz รองรับ 3G 4G คลื่นความถี่แบบไม่เป็นคู่ (Unpaired band) เทคโนโลยี SDL และ TDD คือ ย่าน 1500 MHz รองรับ 3G ย่าน 2100 MHz รองรับ 3G 4G ย่าน 2300 MHz รองรับ 3G 4G และสามารถพัฒนาไปสู่ 5G ได้ และคลื่นความถี่ย่านสูง (High band) เทคโนโลยี TDD คือ ย่าน 26 GHz รองรับ 5G การประมูลคลื่นความถี่นี้ จะประมูลด้วยวิธี Clock Auction ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการประมูล Multiband ในปี 2563 โดยได้มีการปรับปรุงเพื่อให้สามารถจัดสรรคลื่นความถี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คาดการณ์ว่า จะสามารถจัดประมูลได้ภายในไตรมาส 2 ในปี 2568 เพื่อให้ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้มีคลื่นความถี่ที่เพียงพอ สำหรับรองรับการใช้งาน และสามารถใช้งานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนให้เกิดประมูลคลื่นความถี่ ชี้เป็นจุดกำหนดอนาคตครั้งสำคัญของประเทศไทย
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียแปซิฟิค การประมูลที่กำลังจะจัดขึ้น จึงมีความสำคัญในการส่งเสริมความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ อย่างไรก็ตาม ร่างประกาศหลักเกณฑ์การประมูล ที่ กสทช. นำมารับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่ามีประเด็นที่ควรปรับปรุงเพื่อมุ่งส่งเสริมให้กระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การจัดให้มีประมูลคลื่นความถี่ทุกย่านพร้อมกัน เพื่อส่งเสริมการแข่งขันและสร้างความโปร่งใสจากการประมูล โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถประมูลคลื่นความถี่ได้ทุกย่านพร้อมกันและลดข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนในขั้นตอนการประมูล
นอกจากนี้ บริษัทฯ เห็นว่าราคาขั้นต่ำ หรือ Reserve Price ที่ระบุในร่างประกาศฯ แม้ว่าจะเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำในอดีตแต่ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยของคลื่นความถี่ในย่านเดียวกันในต่างประเทศมาก ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้ กสทช. ไม่สามารถจัดสรรคลื่นความถี่ได้มากเท่าที่ควร และทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ที่เป็นทรัพยากรโทรคมนาคมของชาติ ประกอบกับเงื่อนไขการชำระเงินที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ และปั่นทอนความสามารถในการลงทุนพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม โดยกำหนดให้ต้องชำระค่าคลื่นความถี่ 50% ตั้งแต่งวดแรก (ก่อนรับใบอนุญาต) จึงเสนอให้แบ่งชำระค่าคลื่นความถี่เป็น 10 งวดเหมือนการประมูลครั้งที่ผ่านมา
“ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักว่าคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสำคัญและเป็นรากฐานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งจะเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระดับสากลให้กับประเทศ พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดหลักเกณฑ์การประมูล เพื่อให้การจัดสรรคลื่นความถี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” นายจักร กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี