เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม!!! ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้เผยแพร่รายละเอียดสั่งจำคุก 2 ปี "พิรงรอง รามสูต" กรรมการ กสทช. ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ชี้แอปฯทรูไอดีเป็น OTT ไม่เคยกำหนดต้องขอรับใบอนุญาต แต่จำเลยกล่าวว่า "จะล้มยักษ์" และยื่นหนังสือถึงผู้ประกอบการ 127 ราย ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งให้กิจการเสียหาย
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกข่าวแจกสื่อมวลชน ฉบับที่ 1/2568 กรณีอ่านคําพิพากษาคดี บริษัททรู ดิจิทัล กรุ๊ป จํากัด เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.พิรงรอง รามสูต กรณี กสทช. มีหนังสือแจ้ง ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์มิให้นําช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID ระบุว่า วันนี้เวลา 09.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคําพิพากษา ในคดีหมายเลขดําที่ อท 147, 71/2566 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท 164/2566, 26/2568 ระหว่าง บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จํากัด โจทก์ น.ส.พิรงรอง รามสูต จําเลย เรื่อง เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ประเภท Over The Top หรือ OTT (โอทีที) ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ไม่มีการบริหารจัดการโครงข่ายเป็นการเฉพาะ ซึ่งคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ไม่เคยกําหนดให้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มดังกล่าว ต้องขอรับใบอนุญาตจาก กสทช. จําเลยเป็นกรรมการใน กสทช. และได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ใช้อํานาจหน้าที่โดยมิชอบ โดยกระทําการเร่งรัดสั่งการหรือดําเนินการให้สํานักงาน กสทช. ทําหนังสือแจ้งไปยังผู้ให้บริการประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ในนามสํานักงาน กสทช. ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการทันที โดยที่ กสทช. ยังไม่ได้มีการพิจารณา มีมติ หรือมีคําสั่งการในเรื่องดังกล่าว โดยจําเลยได้กล่าวในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะล้มกิจการของโจทก์ โดยกล่าวทํานองว่า วิธีการที่เราจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ไปทําที่โจทก์โดยตรง แต่ไปทําที่ช่องรายการที่รับใบอนุญาตจาก กสทช. เป็นการใช้วิธีตลบหลัง โดยในที่ประชุมมีผู้เข้าประชุมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของจําเลย เนื่องจากเป็นการกระทําเฉพาะการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์ แต่จําเลยพยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา และก่อนจบการประชุมของคณะอนุกรรมการฯ จําเลยให้เตรียมความพร้อมที่จะล้มหรือระงับการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์ โดยใช้คําพูดว่า “ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์” และต่อมาจําเลยได้ให้สํานักงาน กสทช. แจ้งไปยังผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ทุกรายทราบเกี่ยวกับการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์เพียงรายเดียวว่ายังไม่ได้เป็นผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์และยังมิได้แสดงความประสงค์ขอรับใบอนุญาตตามขอบเขตการได้รับบริการประเภทโครงข่ายไอพีทีวี โดยการกระทําของจําเลยดังกล่าวทําให้ผู้ที่ได้รับหนังสือแจ้งของจําเลยมีความเข้าใจว่า โจทก์จงใจกระทําผิดกฎหมายไม่แสดงความประสงค์ขอรับใบอนุญาต ทั้งที่จําเลยทราบข้อเท็จจริงว่า การให้บริการแพลตฟอร์มโอทีที ในรูปแบบแอปพลิเคชัน True ID กสทช. ยังมิได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เป็นการเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยแอปพลิเคชัน True ID เป็นการให้บริการประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือโอทีที และเป็นการให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วไปซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ไม่เคยกําหนดให้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มดังกล่าวต้องขอรับใบอนุญาตแต่อย่างใด จําเลยเป็นกรรมการใน กสทช. มีอํานาจหน้าที่จัดทําแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ระหว่างกําหนดการจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม กําหนดลักษณะและประเภทของกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และจําเลยยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ มีอํานาจหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา กลั่นกรอง และให้ความเห็นเกี่ยวกับการอนุญาตและกํากับดูแลการประกอบกิจการโทรทัศน์ รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่ กสทช. มอบหมาย จําเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 25 ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาต ด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 จําเลยทําหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีวาระที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านการให้บริการกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชัน True ID โดยในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะหรือพฤติการณ์ในการให้บริการของ True ID แต่ที่ประชุมยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับที่ประชุมเห็นว่า ปัจจุบันมีผู้ให้บริการในลักษณะโอทีที เช่นเดียวกับ True ID จํานวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและไม่ได้รับการกํากับดูแลจาก กสทช. การนําเอาประเด็นลักษณะของการให้บริการของ True ID มาพิจารณาเพียงรายเดียวอาจส่งผลต่อการพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ในอนาคตได้ แสดงให้เห็นว่า ในการประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์คราวดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการให้บริการ True ID ของโจทก์ว่าจะต้องขอรับใบอนุญาตจาก กสทช. หรือไม่ อย่างไร อีกทั้งก่อนที่จําเลยจะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ กสทช. มีข้อมูลระบุว่า บริการ True ID ของโจทก์เป็นบริการโอทีทีและยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายในการกํากับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับคําชี้แจงข้อเท็จจริงของสํานักงาน กสทช. ที่ยื่นต่อศาลในคดีนี้ว่า กสทช. ยังไม่ได้มีการประกาศกําหนดนิยามของคําว่า โอทีที่ไว้เป็นการเฉพาะ ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ แต่ปรากฏว่าในวันที่ 28 ก.พ. 2566 เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะอนุกรรมการได้จัดทําบันทึก และร่างหนังสือของสํานักงาน กสทช. ตาม เสนอเข้าสู่ระบบงานสารบัญทางคอมพิวเตอร์ของสํานักงาน กสทช. ให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาตามขั้นตอน นาง ก. ซึ่งทําหน้าที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. ทําให้นาง ก. ได้สอบถามเหตุผลและความจําเป็นในการทําบันทึกและร่างหนังสือของสํานักงาน กสทช. จะต้องระบุชื่อการให้บริการ True ID ของโจทก์เป็นการเฉพาะ ซึ่งได้รับแจ้งว่า จําเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทําบันทึก และร่างหนังสือดังกล่าว และ กสทช. ได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ รวม 127 ราย
ต่อมาวันที่ 2 มี.ค. 2566 มีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 4/2566 ซึ่งจําเลยได้ทําหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม จําเลยได้มีการต่อว่าและตําหนิฝ่ายเลขานุการที่มีการจัดทําหนังสือ โดยไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID ของโจทก์ และในรายงานการประชุม ของคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้สํานักงาน กสทช. จะต้องมีหนังสือแจ้งไปยังผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์โดยระบุเจาะจงถึงบริการ True ID ของโจทก์ แต่ตามบันทึกรายงานการประชุมกลับมีการระบุว่าที่ประชุมมีมติรับรองรายงานการประชุม ครั้งที่ 3/2566 และเห็นควรมีหนังสือแจ้งผู้ให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ทั้งที่ในความเป็นจริงการประชุมคณะอนุกรรมการ ครั้งที่ 4/2566 ไม่ได้มีมติดังกล่าวแต่อย่างใด อันเป็นการทําเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ เมื่อพิจารณาประกอบกับถ้อยคําที่จําเลยได้กล่าวในการประชุมคณะอนุกรรมการ ดังกล่าว ครั้งที่ 3/2566 ที่ใช้ถ้อยคําทํานองพยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมของคณะอนุกรรมการ จําเลยให้เตรียมความพร้อมที่จะล้มหรือระงับการให้บริการแอปพลิเคชัน True ID ของโจทก์ โดยใช้คําพูดว่า “ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์” และจําเลยก็ยอมรับว่า คําว่า “ยักษ์” หมายถึงโจทก์ ถ้อยคําดังกล่าวเป็นการสื่อความหมายชัดเจนว่า ประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย พฤติการณ์ของจําเลยดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์ และใช้อํานาจหน้าที่ของตนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กฎหมายกําหนด ทําให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะภายหลังจากมีหนังสือดังกล่าวแจ้งไปยังผู้ประกอบการรวม 127 รายแล้ว มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายระยะเวลาเข้าทํานิติกรรมกับโจทก์ การกระทําของจําเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนพยานหลักฐานของจําเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
พิพากษาว่า จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จําคุก 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ศาลให้ประกันตัว น.ส.พิรงรอง ด้วยวงเงินประกัน 120,000 บาท โดยวางเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ส่งผลทำให้ น.ส.พิรงรอง ยังคงปฎิบัติหน้าที่เป็นกรรมการ กสทช. ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี