นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายและสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งลงพื้นที่ในส่วนภูมิภาค เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง โดยเฉพาะการชี้แจงให้ความรู้ถึงการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ หลังพบว่าเกษตรกรมีความตื่นตัวเป็นอย่างมาก ในการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย และสะดวกมากขึ้น ยิ่งในปัจจุบันที่กฎหมายเปิดกว้างให้ต้นไม้ทุกชนิด สามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ (ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อกับเกษตรกรเจ้าของต้นไม้) ทำให้เกษตรกรทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเห็นถึงประโยชน์ของการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง และต้องการทราบถึงรายละเอียดของข้อกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ล่าสุดกระทรวงพาณิชยื โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จับมือกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่เกษตรกร เรื่อง ส่งเสริมการนำทรัพย์หลักประกันเข้าถึงแหล่งทุน’ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านพิมาน ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกในการลงพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และชี้แจงรายละเอียดเกณฑ์การพิจารณาให้สินเชื่อ โดยการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ
โดยใน อ.นาแก จ.นครพนม มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 12,693 ราย รองจาก อ.เมืองนครพนม ที่มี 15,671 ราย ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่ต้องการได้รับความรู้และรายละเอียดของกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินของตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพโดยการปลูกไม้ยืนต้น และพร้อมเป็นกระบอกเสียงให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการเผยแพร่ความรู้ที่ได้รับแก่เกษตรกรที่รู้จักหรือเพื่อนบ้านที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
นอกจากองค์ความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่เกษตรกรแล้ว ไฮไลท์สำคัญ คือ การสาธิตวัดไม้ยืนต้นที่ต้องการนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อประเมินมูลค่าการให้สินเชื่อเบื้องต้นของสถาบันการเงิน เช่น ต้นไม้ที่จะได้รับการประเมินมูลค่าต้องมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ปริมาณและราคาเนื้อไม้จะสัมพันธ์กับเส้นรอบวงต้นที่ความสูง 130 เซนติเมตร จากพื้นดิน เป็นต้น โดยต้นไม้ที่เกษตรกรนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจกับสถาบันการเงิน เช่น ธ.ก.ส. (โครงการธนาคารต้นไม้) ได้แก่ มะขาม มะกอกป่า สะเดา ต้นเต็ง รัง ประดู่บ้าน ประดู่ป่า เป็นต้น และผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด (พิโกไฟแนนซ์ / พิโกพลัส) ได้แก่ ยางพารา สัก ขนุน ยูคาลิปตัส ไม้สกุลทุเรียน ไม้สกุลมะม่วง ไม้สกุลยาง เป็นต้น รวมทั้งการประเมินการกักเก็บคาร์บอนเครดิตของต้นไม้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับรู้ถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นของต้นไม้อีกด้วย
ในการลงพื้นที่ยังเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชน ต.พิมาน เพื่อให้การส่งเสริมและสนับสนุนประเภทกิจการชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยางนา ได้แก่ โลชั่นยางนา น้ำมันเขียวยางนา สบู่สมุนไพรยางนา ตลอดจนผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพื่อให้การส่งเสริมสร้างมูลค่าสินค้าประเภทกิจการชุมชนต่อไป
นางอรมน กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากไม้ยืนต้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปีตามอัตราการเติบโต ประกอบกับปัจจุบันกระแสการรักษาธรรมชาติ การแก้ปัญหาโลกร้อน การลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นประเด็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนกำลังตื่นตัวและให้ความสำคัญ โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของไม้ยืนต้นอีกประการหนึ่ง คือ เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนของโลก และเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่มีการซื้อ-ขายในตลาดคาร์บอนเครดิต ซึ่งเจ้าของไม้ยืนต้นสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง นอกจากการใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอสินเชื่อ ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตเกษตรกรและประชาชนจะหันมาปลูกไม้ยืนต้นกันมากขึ้น เนื่องจากเห็นประโยชน์ที่มีอยู่นานัปการ และเป็นทรัพย์สินที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกแก่ลูกหลานในอนาคตได้อีกด้วย
โดยนครพนมเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยเฉพาะป่าชุมชน ซึ่งเป็นป่าที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและเกษตรเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย เพื่อเสริมสภาพคล่องในการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน การมีหลักประกันทางธุรกิจที่หลากหลาย จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย และสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้สร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ การจัดโครงการอบรม สัมมนา เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และประชาชนทั่วไป รวมทั้งการร่วมลงพื้นที่กับหน่วยงานพันธมิตร เช่น ธ.ก.ส. สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในส่วนภูมิภาค ได้แก่ จ.ขอนแก่น จ.สุพรรณบุรี จ.อุทัยธานี จ.พิษณุโลก จ.อ่างทอง จ.อุทัยธานี จ.เพชรบุรี จ.ชัยนาท จ.เชียงราย จ.ราชบุรี และจ.นครสวรรค์ เป็นต้น ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีผู้นำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 28 จังหวัด จำนวน 167,302 ต้น วงเงินค้ำประกันรวม 185,826,768.04 บาท ซึ่ง จ.นครพนม มีการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 579 ต้น เช่น ต้นสัก ยาง ประดู่ป่า พฤกษ์ มะขาม ไม้สกุลมะม่วง กฤษณา เป็นต้น
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี