ll ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ซึ่งในความสำคัญหลักคือมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ขับเคลื่อนการเติบโตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการลูกค้า โดยยืนยันความมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย พร้อมใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการให้บริการลูกค้า นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตรงจุด และให้ความสำคัญกับการเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ มีผลิตภัณฑ์และบริการการลงทุนและการชำระเงินที่ครอบคลุม บุกเบิกการสร้างรายได้ใหม่และเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 ของประเทศไทย รวมทั้งตั้งเป้าหมายเติบโตรายได้ และสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ตลอดจนเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) จากการดำเนินงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็นธนาคารที่มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นตัวเลขสองหลักสอดคล้องตามมาตรฐานโลกภายในปี 2569
ในการนี้นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลอดปี 2568 “ธนาคารจะมุ่งยกระดับการให้บริการลูกค้า ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนองค์กร รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ บุกเบิกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการยกระดับประสบการณ์โดยรวมของลูกค้าที่มีต่อธนาคารให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้กลยุทธ์ของธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการคาดการณ์ต่อปัจจัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ทั้ง
ในและต่างประเทศ ตลอดจนความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยธนาคารได้กำหนดเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 2568 ดังนี้ 1.การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ ในภาคธุรกิจที่มีการฟื้นตัว และสินเชื่อที่มีหลักประกัน ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับปรุงกลยุทธ์สินเชื่อ ฟื้นฟูขีดความสามารถหลัก และปรับปรุงการจัดการทั้งกระบวนการ ตั้งเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อในปี 2568 ในระดับทรงตัว 2.ผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin: NIM) 3.3-3.5% สอดคล้องกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและการเติบโตของสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ โดยผลตอบแทน NIM เมื่อหัก Credit Cost แล้วจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ(Net Fee IncomeGrowth) Mid to High-single Digit โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตเชิงกลยุทธ์ในการให้บริการโซลูชั่นด้านการลงทุน แม้รายได้ค่าธรรมเนียมการทําธุรกรรมทั่วไปจะลดลงเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป 4.ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ(Cost to Income Ratio) คาดว่าจะอยู่ที่ Low to Mid-40s 5.เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio - Gross) น้อยกว่า 3.25% ค่อนข้างทรงตัวท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน 6.อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Credit Cost) คาดว่าจะปรับตัวสู่ระดับปกติ (Normalized Level) ในช่วง 140-160 bps โดยธนาคารยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่รอบคอบอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต
นางสาวขัตติยา กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย โดยจะเติบโตประมาณ 2.4% การบริโภคและการส่งออกภาคเอกชนจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีการเติบโตน้อยลง และการใช้จ่ายของรัฐบาลจะสูงขึ้น ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ หนี้ครัวเรือนที่สูง ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้น และภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง
ท่ามกลางบริบททางเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารยังคงมุ่งมั่นในการเป็นธนาคารที่ไว้วางใจได้และส่งมอบการเติบโตที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้า เร่งพัฒนาเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่องค์กร ควบคู่กับการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ตามยุทธศาสตร์ 3+1 และ Productivity
ยุทธศาสตร์ 3+1 และ Productivity ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ที่ทำต่อเนื่องจากปี 2567 ได้แก่ ยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน คือ การยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ การขยายธุรกิจที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่างๆ และ “บวกหนึ่ง” คือ
การสร้างแหล่งรายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว โดยสิ่งที่ธนาคารเน้นเพิ่มขึ้นในปี 2568 นี้คือ ยุทธศาสตร์ Productivity เพื่อเพิ่มผลิตภาพจากการดำเนินงานให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2568ธนาคารจะยังมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสามารถสนับสนุนลูกค้ากว่า 24 ล้านราย ให้บรรลุศักยภาพสูงสุด
ธนาคารกสิกรไทยได้จัดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ 3+1 และ Productivity ขับเคลื่อนการทำงานสู่เป้าหมาย ดังนี้ ยุทธศาสตร์หลักที่ 1
ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ ด้วยการมุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เน้นการให้บริการลูกค้าปัจจุบันที่มีคุณภาพ ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้า และใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับการจัดการทั้งกระบวนการ เพื่อยกระดับศักยภาพด้านสินเชื่อ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา การปล่อยสินเชื่อใหม่มากกว่า 90% มาจากสินเชื่อที่มีหลักประกันและจากลูกค้าปัจจุบันที่ธนาคารรู้จักอย่างดี ในปี 2568 ธนาคารจะยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ รวมทั้งจะกลับมาเปิดโครงการสนับสนุนและให้ความรู้เอสเอ็มอี เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของลูกค้า
ยุทธศาสตร์หลักที่ 2 ขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม ด้วยการให้บริการโซลูชั่นการลงทุนและการชำระเงินครอบคลุมความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทางที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดย กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Business) ธนาคารมุ่งเน้นส่งเสริมบริการด้านการลงทุน และการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่เป็นที่ไว้วางใจ (Trusted Advisor) อย่างต่อเนื่อง ด้วยโซลูชั่นการลงทุนที่หลากหลาย ผ่านการให้คําปรึกษาจัดพอร์ตการลงทุนแบบ “Core & Satellite” ใช้ความแข็งแกร่งจากพันธมิตรระดับโลก และความเชี่ยวชาญในประเทศ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และการให้บริการการลงทุนที่สะดวกสบายผ่านแพลตฟอร์มK PLUS รวมทั้ง บริการ “Better Finance forBetter Life” บน K PLUS ที่รวมการบริหารพอร์ตการเงินและการติดตามการใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า โดยในปี 2568 ธนาคารจะยังคงนําเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ขยายและยกระดับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ซับซ้อนผ่านประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งและการเป็นศูนย์กลางความรู้ผ่าน K-Wealth ต่อยอดความเป็นอันดับหนึ่งด้านกองทุนของ บลจ. กสิกรไทยอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจการชำระเงิน (Payment Business)ธนาคารมีบริการชำระเงินที่หลากหลาย โดยมี K PLUS เป็นจุดเชื่อมต่อบริการ ซึ่งปัจจุบัน จำนวนธุรกรรมออนไลน์ในประเทศไทย 1 ใน 3 ทำผ่าน K PLUS อีกทั้ง ธนาคารมีบริการเด่น อาทิ การให้บริการโอนเงินข้ามประเทศ (Remittance) ที่สามารถโอนเงิน 25 สกุลเงิน ใน 150 ประเทศทั่วโลก การเชื่อมต่อกับบริการชำระเงินด้วย QR Payment ระหว่างประเทศผ่าน Alipay+ และ WeChat การแลกเงินผ่านตู้ ATM และ FX Booth ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ การบริการ K PLUS Go Inter บริการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในที่เดียว ในปี 2568 ธนาคารจะยังคงพัฒนาบริการชำระเงินโดยมี K PLUS เป็นแพลตฟอร์มหลักควบคู่ไปกับการขยายเข้าไปรองรับระบบนิเวศในธุรกิจร้านค้า เพื่อให้รับชำระเงินได้หลากหลาย
ยุทธศาสตร์หลักที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางต่างๆ ธนาคารมุ่งส่งมอบประสบการณ์ของลูกค้าในการใช้งานในช่องทางต่างๆ โดยเน้นผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ด้วย K PLUS ที่มาพร้อมความปลอดภัย สะดวก ตลอด Journey ของลูกค้า ตั้งเป้า ปี 2568 เพิ่มจํานวนผู้ใช้ K PLUS จาก 23.1 ล้านคนเป็น 23.9 ล้านคน รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชั่น K BIZ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยตั้งเป้าผู้ใช้งานK BIZ จาก 1.2 ล้านคนเป็น 2.1 ล้านคน ในปี2568 ธนาคารจะยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นําด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง ด้วยประสบการณ์ดิจิทัลเฟิสต์ โดย K PLUS ครองความเป็นอันดับ 1 ด้านการใช้งาน และอันดับ 1 ด้านความพึงพอใจและความผูกพันกับแบรนด์ (Net Promoter Score: NPS) ในกลุ่มธุรกิจธนาคารในประเทศ และบริการ Contact Center ได้รับคะแนนความพึงพอใจอันดับ 1(Net Promoter Score: NPS) ทั้งการให้บริการผ่านช่องทางโทรศัพท์ รวมทั้งการให้บริการแบบครบวงจรผ่าน KBank Live และสื่อโซเซียลมีเดียต่างๆ จากผลสำรวจของบริษัท นีลเส็นไอคิว (NielsenIQ) บริษัทวิจัยผู้บริโภคชั้นนำของโลก
นอกจากนี้ธนาคารยังวางรากฐาน ยุทธศาสตร์ +1 เพื่อสร้างรายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว ได้แก่ การดำเนินงานของ บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด (KIV) ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศ ควบคู่กับการให้ความสําคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ สําหรับการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค ธนาคารให้ความสําคัญกับภูมิภาค AEC+3 โดยเฉพาะการเติบโตในตลาดที่มีศักยภาพ ในประเทศจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ธนาคารยังได้ยกระดับการให้บริการทางการเงินด้วยนวัตกรรมผ่านการทำงานในระบบนิเวศและการสร้างนวัตกรรม ด้วยการเปิดตัว 4 ใบอนุญาตในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้งธนาคารยัง สนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการจัดตั้งบริษัท คอปฟิฟตี้ จำกัด (KOP50) บริษัทโฮลดิ้งภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร เพื่อริเริ่มโครงการสร้าง Sustainable Ecosystemที่สมบูรณ์ มีนวัตกรรมใหม่ๆ จาก กสิกรบิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป รวมทั้งระหว่างปี 2565-2567 ธนาคารได้ส่งมอบเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุนด้านความยั่งยืนจำนวนกว่า 1.2 แสนล้านบาท
ส่วนยุทธศาสตร์ด้าน Productivity ธนาคารมุ่งเน้นที่จะยกระดับนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารและจัดการภายในองค์กร (Productivity) ผ่านการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการทำงาน อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิ่มศักยภาพของพนักงาน (Human
Intelligence) เพื่อสร้างให้เป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และเกิดการทำงานที่มีประสิทธิผลสูงสุด
“ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจและร่วมผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยมาเป็นเวลา 80 ปี บนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ ทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่น สามารถขับเคลื่อนผ่านความไม่แน่นอนและความท้าทายต่างๆ ได้ และเป็นธนาคารที่ไว้วางใจได้สำหรับลูกค้าเสมอมาส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถบรรลุศักยภาพสูงสุด ผ่านนวัตกรรมและการนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า ซึ่งพิสูจน์ได้จากความเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง”นางสาวขัตติยากล่าว
l อนันตเดช พงษ์พันธุ์ l
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี