นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 997.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 79.14% กลับมาเป็นบวกได้ต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 1,442.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 48.38% ส่วนทั้งปี 2567 (มกราคม-ธันวาคม 2567) การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 9,609.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.99% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 18,367.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.49%

สำหรับการส่งออกทองคำเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 445.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.17% แม้ราคาทองคำตลาดโลกจะลดลง แต่ก็ยังส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนทั้งปี 2567 (มกราคม-ธันวาคม 2567) ส่งออกทองคำ มีมูลค่า 8,758.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 46.48% และหากแยกการส่งออกทองคำเป็นรายเดือน พบว่าเดือนมกราคม มีมูลค่า 469.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 194.17% เดือนกุมภาพันธ์ มูลค่า 740.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 309.51%  เดือนมีนาคม มูลค่า 391.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 75.02%  เดือนเมษายน มูลค่า 288.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 64.57% เดือนพฤษภาคม มูลค่า 582.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 135.39%  เดือนมิถุนายน มูลค่า 544.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 184.12% เดือนกรกฎาคม มูลค่า 1,180.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 434.13%  เดือนสิงหาคม มูลค่า 455.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 99.01% เดือนกันยายน มูลค่า 741.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 14.99% เดือนตุลาคม มูลค่า 2,231.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 169.31% และเดือนพฤศจิกายน มูลค่า 686.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 174.67%

ส่วนตลาดส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยฮ่องกง เพิ่มขึ้น 5.69% สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 14.51% อินเดีย เพิ่มขึ้น 118.04% เยอรมนี เพิ่มขึ้น 9.63% เบลเยี่ยม เพิ่มขึ้น 16.25% อิตาลี เพิ่มขึ้น 2.34% ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 5.40% แต่สหราชอาณาจักร ลดลง 5.37% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลดลง 0.30% และสวิตเซอร์แลนด์ ลดลง 7.77%

สำหรับด้านการส่งออกสินค้า พบว่าส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยเครื่องประดับทอง เพิ่มขึ้น 3.91% เครื่องประดับเงิน เพิ่มขึ้น 18.22%  เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่มขึ้น 24% พลอยก้อน เพิ่มขึ้น 42.66% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่มขึ้น 5.64% ซึ่งในกลุ่มพลอย ยังคงเป็นสินค้าที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เพราะมีการซื้อไปลงทุน เครื่องประดับเทียม เพิ่มขึ้น 4.41% แพลทินัม เพิ่มขึ้น 4,4497.57% จากการส่งออกไปอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดในอันดับ 1 เพิ่มขึ้นจากที่ไม่เคยส่งออกในปีก่อนหน้า รวมทั้งญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ตลาดอันดับ 2-3 ก็ส่งออกเพิ่มขึ้น ส่วนพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ลดลง 5.35% เพชรก้อน ลดลง 8.79% และเพชรเจียระไน ลดลง 7.53% จากการส่งออกไปตลาดสำคัญอย่างฮ่องกง เบลเยียม อิสราเอล และสหรัฐฯ ลดลง

อย่างไรก็ตามทิศทางการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2568 น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ฮามาส รวมทั้งนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเก็บภาษีนำเข้าประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯในลำดับต้นๆ และมาตรการตอบโต้ด้านต่างๆที่สหรัฐฯมองว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้าในระยะอันใกล้ หลายปัจจัยนี้จะมีผลต่อเนื่องและอาจเป็นกำแพงกีดกันการค้าโลกในปี 2568 และส่งผลกระทบต่อการส่งออกได้

ทั้งนี้ GIT มีข้อเสนอแนะในการปรับตัว โดยผู้ประกอบการจะต้องใช้ประโยชน์จากการที่อุตสาหกรรมค้าปลีกได้ก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแนวทางจากการขับเคลื่อนด้วยเทรนด์สำหรับคนจำนวนมาก ไปเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยความมีเอกลักษณ์สำหรับแต่ละบุคคล หรือเปลี่ยนจากแบบกลุ่มขนาดใหญ่เป็นแบบกลุ่มย่อย ทำให้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทั้งการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การตลาด และการทำธุรกิจในด้านต่างๆ โดยต้องให้ความสำคัญกับการดึงดูดผู้บริโภคเชิงคุณค่า การปลดล็อกการเชื่อมโยงช่องทางการตลาดแบบ Omni channel และการสร้างประสิทธิภาพความเชี่ยวชาญสำหรับตลาดแบบเฉพาะบุคคลมากให้ขึ้น

-033