นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่(WP) เปิดเผยว่าแผนการดำเนินงานปี 2568 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้แตะ 18,500 ล้านบาท ในส่วนของยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) คาดว่าจะอยู่ที่ 830,000 ตัน แบ่งเป็นในประเทศ 795,000 ตัน และส่งออกไปต่างประเทศ 35,000 ตัน รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงราคาขายก๊าซ LPG ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก

“ปีนี้ มีการปรับแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดและด้านบริการ เพื่อการเพิ่มช่องทางการขายสินค้า และสร้างโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าถึงการให้บริการได้อย่างสะดวก และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น รวมถึงปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุน ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” นางสาวชมกมลกล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างศึกษาและมองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เช่น การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมเพื่อสนับสนุนและต่อยอดธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับงบลงทุนตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาทแบ่งเป็น รองรับแผนขยายจุดกระจายสินค้า 5 แห่ง มูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท จากปัจจุบัน 175 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงลงทุนในธุรกิจ Green Energy จำนวน 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มอีก 5 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 11 เมกะวัตต์ และลงทุนส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจำนวน 70 ล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มในปี 2568 คาดว่าอุตสาหกรรมก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการที่
เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากก๊าซ LPG ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อในชีวิตประจำวัน และบริษัทฯมีแผนมุ่งสู่ Green
Energy โดยเตรียมงบลงทุนด้านโซลาร์รูฟท็อปภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตตาม
เป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทฯได้วางกรอบการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environment, Social, Governance : ESG) ครบถ้วนทุกมิติ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรซึ่งจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เข้าเป็นส่วนหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratingในอนาคต