นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 กกพ.จะมุ่งดำเนินการ 4 ประเด็นหลัก 1.ผลักดันการสร้างตลาดกลาง เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสีเขียว ซึ่งคาดจะมีปริมาณความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามทิศทางพลังงานสากล 2.เตรียมความพร้อมด้านกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการกำกับดูแลและสร้างความคล่องตัวในกระบวนการรับรองไฟฟ้าสีเขียว

3.สร้างความร่วมมือและการแข่งขันที่เป็นธรรมเพื่อให้พลังงานมีความมั่นคงและเอื้อต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศ เชื่อมโยงกับสากลได้ 4.เป็นกลไกกำกับกิจการพลังงานที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านพลังงานได้อย่างรวดเร็ว รองรับได้ทั้งรูปแบบพลังงานใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น และรองรับปริมาณความต้องการพลังงานในอนาคตของผู้ใช้พลังงาน

“เราอยู่ในเทรนด์ของการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเปลี่ยนเร็วมาก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสุดท้ายคือให้พลังงานสะอาดเข้ามาทดแทนพลังงานดั้งเดิมได้ทั้งหมด ผมมองว่าวันนี้เทคโนโลยีไปถึงเป้าหมายแล้ว แต่ราคายังไปไม่ถึงเป้าหมาย เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนบางอย่าง เช่น แสงแดดและลมถูกลงเรื่อยๆ แต่บางชนิดยังแพง เช่น กรีนไฮโดรเจน และเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน ยังแพงอยู่มาก” นายพูลพัฒน์ กล่าว

สำหรับแผนงานปี 2568 ภายใต้กรอบ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การเริ่มให้บริการ-ไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1)ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดเตรียม UGT1 ไว้รองรับความต้องการ 2,000 ล้านหน่วย/ปี สำหรับการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าเจาะจงแหล่งที่มา (UGT2) ที่รองรับความต้องการ 8,000 ล้านหน่วย/ปี จะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าลงทะเบียนสมัครใช้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2568 รวมถึงการกำหนดกฎเกณฑ์และแนวทางในการรับรองแหล่งที่มาของไฟฟ้าสีเขียวตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นสะพานไปสู่การพัฒนาตลาดไฟฟ้าสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในอนาคต

2.กำกับกิจการไฟฟ้าตามนโยบายโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA ได้แก่ จัดทำหลักเกณฑ์และแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการการใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าแก่บุคคลที่สาม และการกำกับติดตามการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (TPA Code) ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อกำหนดกรอบการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งส่วนที่ กกพ.รับผิดชอบคาดแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568

3.กำกับกิจการก๊าซธรรมชาติตามแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 โดยจัดทำแนวทางการบริหารการใช้ LNG Terminal แบบเสมือน (Virtual Inventory) และเสนอต่อภาคนโยบายภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการใช้งาน LNG Terminal ร่วมกันระหว่างผู้ใช้บริการหลายราย จัดทำระบบข้อมูลราคาก๊าซ(Pool Gas) เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้ใช้พลังงาน เข้าถึงข้อมูลและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ในมิติของความมั่นคงทางพลังงาน หลังออกระเบียบ กกพ.ว่าด้วยมาตรฐานวิศวกรรมและความปลอดภัยในการประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567 ก็จะมีการกำกับผู้รับใบอนุญาตที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติให้ดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดภายในปี 2568 

4.การพัฒนากลไกการกำกับกิจการพลังงานเพื่อรองรับการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลิกโฉม (Disruptive Technology) โดยศึกษารูปแบบการดำเนินการในต่างประเทศเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในไทย จัดทำข้อกำหนดหรือปรับปรุงแก้ไขระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และจัดทำคู่มือการกำกับกิจการพลังงานรองรับ Disruptive Technology ตามแผนการขับเคลื่อน Smart Gridคาดจะศึกษาแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568