นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ทาง กกพ. มีมติให้สำนักงาน กกพ. นำเสนอทางเลือกให้ภาคนโยบายทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขการสนับสนุนทั้งในรูปแบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และ Feed in Tariff (FiT) ผ่านการอุดหนุนราคารับซื้อไฟฟ้าในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) เพื่อให้การอุดหนุน Adder และ Feed in Tariff (FiT) สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งมีผลทำให้ค่าไฟสามารถปรับลดลงได้ทันทีประมาณ 17 สตางค์ต่อหน่วยนั้น ทาง กกพ.ยืนยันว่าสามารถทำได้
ทั้งนี้ตามมาตรา 65 (1) กำหนดว่า ภายใต้นโยบายและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ความเห็นชอบให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการของผู้รับใบอนุญาตแต่ละประเภท ควรสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงและคำนึงถึงผลตอบแทนที่เหมาะสมของการลงทุนของการประกอบกิจการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนของค่าไฟฟ้าที่ กกพ.พิจารณาจะมีค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ (Policy Expense) ก่อนหน้านี้คือมาตรการส่งเสริมพลังงานสะอาดที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติทำไว้ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1. กำหนดปริมาณ 2. กำหนดราคา 3. กำหนดประเภทเชื้อเพลิง และ 4. วิธีการจัดหาเมื่อมีการจัดหาแล้วมีประเด็นเรื่องค่าไฟฟ้าเกิดขึ้น จึงเข้าตามมาตรา 11 (4) ที่ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ กำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์ในการจัดหาไฟฟ้าและออกประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้า
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการแก้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าคงแก้ไม่ได้ แต่สามารถที่จะเจรจาเรื่องราคาค่าไฟฟ้าได้ ถ้า กพช. มีมติให้แก้ต้นทุนค่าไฟฟ้าใหม่แล้ว สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะเมื่อ Adder และ FiT หมดแล้ว ยังขายไฟได้ในราคาขายส่งที่ 3.29 บาทต่อหน่วย บวกค่า Ft ซึ่งถือว่ายังสูงกว่าค่าไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฉลี่ยที่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) คำนวณได้ ประมาณ 2.16 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการรายใดที่ไม่เข้าตามมาตรา 65 (1) และผู้ประกอบการที่คืนทุนแล้ว จะมีการขอปรับลดราคาค่าไฟฟ้า ซึ่งต้องให้ กพช.มีมติตรงนี้ออกมา กกพ. พร้อมจะดำเนินการตามมตินั้น แม้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการเจรจา เพราะ “เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม” โดยจะพิจารณาสัญญาแต่ละราย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรจะทำ กกพ.ต้องการปรับสมดุลของค่าไฟฟ้า ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียหาย และผู้ใช้ไฟฟ้าต้องไม่ซื้อไฟฟ้าในราคาเกินจริง
“สัญญาเดิมถือเป็นสัญญาทาสชั่วฟ้าดินสลายที่ทำมาตั้งแต่ปี 51 ช่วงนั้นที่ต้องประกาศราคารับซื้อราคาสูง เพราะราคาอุปกรณ์ต่างๆ ในการผลิตไฟฟ้าสีเขียวราคาสูง ต้องการจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมโครงการ จึงรับซื้อในราคาสูงประมาณหน่วยละ 9-12 บาท ซึ่งจะมีการต่ออายุทุก 5 ปี ตอนนี้ผู้ประกอบการกลุ่มนั้นราคารับซื้อจะอยู่ที่ประมาณหน่วยละ 4 บาทนิดๆเป็นราคาขายส่งหน่วยละ 3.29 บาท บวกค่าเอฟที 90 สตางค์กว่าๆ ก็ยังแพงอยู่ดี เพราะต้นทุนที่ สนพ.คำนวณมาราคาหน่วยละ 2.16 บาทเท่านั้น ซึ่งเอกชนกลุ่มดังกล่าวคืนทุนหมดแล้ว จึงเห็นควรต้องทบทวนที่ต้องต่ออายุสัญญาทุก 5 ปี หากกพช. กำหนดนโยบายปรับค่าไฟฟ้ารับซื้อในส่วนนี้ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ทันทีหน่วยละ 17 สตางค์ เช่น หากค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.15 บาท จะเหลือหน่วยละ 3.89 บาท จากประมาณการตลอดทั้งปี 68 คาดว่า จะมีการใช้ไฟฟ้า 195,000 ล้านหน่วย หากลดได้หน่วยละ 17 สตางค์ ประชาชนจะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 33,150 ล้านบาท”นายวรวิทย์กล่าว
ทั้งนี้ กกพ.ต้องทำหน้าที่ดำเนินการในการเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามมาตรา 11 (12) โดยขอให้ฝ่ายนโยบายจัดการกับต้นทุนค่าไฟฟ้าในส่วนค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ (Policy Expense) อันประกอบด้วย โครงการ Adder และ Feed in Tariff (FiT) ซึ่งมีต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้าสูงกว่าราคาต้นทุนจริงในภาวะปัจจุบัน และโครงการผลิตไฟฟ้าแบบ Adder เหล่านี้ไม่มีวันสิ้นสุดสัญญา เป็นเหตุให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน ที่ได้รับการสนับสนุนจากภารัฐในรูปแบบแอดเดอร์ และเอฟไอที มีประมาณ 500 กว่าแห่ง ประมาณ 4,000 เมมะวัตต์ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ได้รับ แอดเดอร์ ที่อัตราหน่วยละ 8 บาท ระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 54 สิ้นสุดปี 65 , โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ได้รับแอดเดอร์ ที่อัตราหน่วยละ 6.50 บาท ระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 56 สิ้นสุดปี 69 , โรงไฟฟ้าพลังงานลม ได้รับแอดเดอร์ที่อัตราหน่วยละ 3.50 บาท ระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 55 สิ้นสุดปี 72 , โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ ได้รับแอดเดอร์ที่อัตราหน่วยละ 3.50 บาทระยะเวลา 7 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 58 สิ้นสุดปี 68 , โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับการอุดหนุนแบบเอฟไอที อัตราคงที่หน่วยละ 5.66 บาทต่อหน่วย (ตลอดอายุสัญญา) เริ่มตั้งแต่ปี 58 สิ้นสุดปี 83
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี