กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารของไทยโตขึ้น 5% มูลค่าตลาดรวมทะลุ 5 แสนล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะที่เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพมาแรง อาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพร อาหารฟิวชั่น ผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-Based) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน อิ่มท้องแล้ว ต้องสุขภาพดีด้วย ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ขณะที่พฤติกรรมการบริโภคของผู้คนก็ได้มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน โดยให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมของสมุนไพร อาหารฟิวชั่น ผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-Based) เพิ่มขึ้น การบริโภคอาหารใช่เพียงแค่ ‘อิ่มท้อง’ แต่ต้อง ‘สุขภาพดี’ ด้วย ซึ่งเป็นการวางแผนเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีในอนาคต ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารจึงจำเป็นปรับระบบการบริหารจัดการธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น และพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ เช่น ต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น (ค่าแรง วัตถุดิบอาหาร ค่าสาธารณูปโภค) ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ คู่แข่งทางการตลาดทั้งชาวไทยและต่างชาติ ฯลฯ มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ และวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการที่แท้จริง ซึ่งจะส่งผลต่อผลประกอบการที่ดีในอนาคต
ทั้งนี้ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ Chef's Club by Makro จากบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกันส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ และเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน โดยได้จัดอบรมหลักสูตร “Smart Restaurant Plus รุ่นที่ 8 การบริหารจัดการและยกระดับธุรกิจร้านอาหาร” ระหว่างวันที่ 17 - 18 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหารเข้าร่วมกว่า 170 ราย
โดยเนื้อหาการอบรมเน้นให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีการถ่ายทอดทั้งบทเรียนและประสบการณ์ตรงจากวิทยากรที่คลุกคลีอยู่ในวงการแต่ละหัวข้อของการอบรมโดยเฉพาะ เช่น *เทคนิคบริหารการเงินร้านอาหารอย่างมืออาชีพ โดย คุณราชิต ไชยรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีภาษี CEO บริษัท แอ็คเคาท์ติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชั่น จำกัด *สร้างแบรนด์ร้านอาหารและเทคนิคการดึงดูดลูกค้าจาก Digital Marketing โดย คุณคุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและโปรโมทร้าน เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน *เปิดโลก Food Trends และการสร้างนวัตกรรมอาหารอย่างเชฟมืออาชีพ โดย เชฟพัทธนันท์ ธงทอง Executive Chef ร้านเอม ภูเก็ต โค้ชทีมแข่งขันทำอาหารประเทศไทยและที่ปรึกษาด้านอาหาร *การบริหารต้นทุนให้คุ้มค่าและออกแบบเมนูเพิ่มกำไร โดย คุณพรชัย นิตย์เมธาวงศ์ Co-Founder เพจเพื่อนแท้ร้านอาหาร และที่ปรึกษาธุรกิจร้านอาหาร
สำหรับการอบรมดังกล่าวจะช่วยเสริมทักษะการบริหารจัดการธุรกิจและมุมมองธุรกิจร้านอาหารให้กว้างขวางขึ้น พร้อมรับมือกับการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง
นางอรมน กล่าวว่า โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 มีนิติบุคคลธุรกิจร้านอาหารในไทย จำนวน 25,883 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 141,264 ล้านบาท และมีแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจร้านอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผู้บริโภคกลับออกไปรับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น และการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนอาหารไทยเป็น Soft Power ระดับชาติ ฯลฯ ซึ่งทุกปัจจัยล้วนผลักดันให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งไทยและต่างชาติเข้าสู่ตลาดเพิ่มสูงขึ้น และกลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น การเพิ่มพูนและแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มาช่วยเสริมแกร่งให้ธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ด้วยความมั่นใจ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า ปี 2568 ธุรกิจร้านอาหารของไทยจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 5% จากปี 2567 และมีมูลค่าตลาดรวมทะลุ 5 แสนล้านบาท
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี