นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ตัวเลข GDP ไทยปี 2567 ที่ประกาศโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถือว่าผิดคาดเล็กน้อย โดยเศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2.5% ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ที่ 2.6-2.7% โดยเฉพาะในไตรมาส 4/67 ที่โตเพียง 3.2% จากที่คาดว่าจะเติบโต 3.5-4% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้าและอยู่ในภาวะซึมตัว

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568 สศช. คาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ระดับ 2.8% โดยมีกรอบระหว่าง 2.3-3.3% ซึ่งยังมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะสำนักวิจัยต่างๆ คาดการณ์การเติบโตสูงสุดที่ 3.2% และสำนักวิจัยกลุ่มธนาคารประเมินไว้ที่ 2-3% ทำให้การคาดการณ์ของ สศช. ที่ 2.3-3.3% ถือว่าครอบคลุมทุกการวิเคราะห์

อย่างไรก็ตาม ค่ากลางของ สศช. ที่ 2.8% นั้นยังเป็นไปได้ ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกต้องไม่มีสงครามการค้ารุนแรงเกินรับไหว โดยเฉพาะกรณีของสหรัฐฯ ที่ยังคงใช้มาตรการทางการค้าระดับสินค้า เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และยานยนต์ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับ 10% และไม่มีการตอบโต้เพิ่มเติม แต่ต้องจับตาว่าหลังเดือนเมษายน 2568 สหรัฐฯ จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ หากไม่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตในระดับ 2.8-3%

เงื่อนไขที่สอง คือ สถานการณ์สงครามโลกที่ต้องคลี่คลายลง ซึ่งปัจจุบันความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงในตะวันออกกลางเริ่มลดความตึงเครียด ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงและไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เศรษฐกิจโลกสามารถใช้น้ำมันมากขึ้น ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

ส่วนเงื่อนไขสุดท้าย คือ เสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะหากมีการยุบสภา อาจส่งผลให้งบประมาณปี 2569 ไม่สามารถใช้ได้ตามกำหนดในเดือนกันยายน 2568 เนื่องจากต้องจัดการเลือกตั้งใหม่และทำงบประมาณใหม่ ซึ่งอาจทำให้กระบวนการใช้งบประมาณล่าช้าไปอย่างน้อย 3 เดือน กระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากการเมืองมีเสถียรภาพ ไม่มีการยุบสภา เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเติบโตที่ 2.8-3% ได้

ทั้งนี้ หากเงื่อนไขทั้งสามข้อมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำกว่าคาดก็มีสูงมาก อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการทั่วประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหากไม่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม เช่น สงครามการค้าไม่รุนแรงขึ้น สงครามโลกคลี่คลาย และการเมืองมีเสถียรภาพ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป

-031