นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่าหลายปีที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพีของไทย เติบโตต่ำเพียง 1 - 2% และไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก ยิ่งหลังโควิด-19 จีดีพีไทยเติบโตต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น เราไม่ควรติดกับดักเดิมๆที่ขาดการปรับตัวและขาดความกล้าหาญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ของประเทศ
ทั้งนี้ ภาคเอกชนจึงต้องการให้ภาครัฐมีนโยบายในการผลักดันจีดีพีโดยมีแนวทางเบื้องต้นดังนี้ 1.C = Consumption ลดภาระหนี้ และค่าครองชีพ ของประชาชน และ เอกชน ด้วยนโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสมและ การเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs อีกทั้งลดการผูกขาด ส่งเสริมตลาดแข่งขันเสรี(ในประเทศ) ของทุกสินค้า และบริการที่สำคัญ ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการผลักภาระให้เอกชน เช่น นโยบายประชานิยมด้วยนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ ที่ควรให้เป็นกลไกตามกรรมการไตรภาคีที่ปราศจากการแทรกแซง และ เร่งนโยบายการเพิ่มรายได้ตามทักษะฝีมือแรงงาน ด้วยการ เร่ง Upskill และ Reskill ที่จะสร้างความยั่งยืนทั้งระบบ อีกทั้ง ส่งเสริมการบริโภค สินค้า หรือ บริการที่ MiT (Made in Thailand ) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ แทนการมุ่งซื้อสินค้าหรือบริการที่ถูก จากการนำเข้า ซึ่งจะทำลายผู้ผลิตในประเทศ ในที่สุด
2.I = Investment เน้นส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม หรือบริการที่เป็นจุดแข็งของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปตามหลัก BCG และมุ่งส่งออก High value Product แทน การส่งสินค้าเกษตรขั้นต้นซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า อีกทั้งเร่งการส่งเสริมการลงทุนใน อุตสาหกรรมต่อเนื่องจากจุดแข็งของเรา (New Engine) เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไปจากยานยนต์สันดาป โดยผลักดัน Part Transform Policy เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น เครื่องจักรกลเกษตร, Aerospace, อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ, เครื่องมือแพทย์ ,ขนส่งทางราง และ Robotic เป็นต้น ที่สำคัญ คือต้องผลักดันให้เกิด Technology Transfer ให้คนไทย ไม่ใช่มาใช้ประเทศไทย เป็นแค่การสวมสิทธิ์ แปลงสัญชาติ เพื่อการส่งออก จาก ปัญหา Trade War
3.G = Government Expenses เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ อุตสาหกรรมต้นน้ำเช่น ระบบน้ำ ให้ภาคเกษตร และรองรับ อุตสาหกรรม BCG ที่สำคัญ คือ ส่งเสริมสินค้า MiT (Made in Thailand) มากกว่าสินค้านำเข้าที่สำคัญ คือ การใช้งบประมาณภาครัฐ อย่างมีประสิทธิภาพ
4.เพิ่ม Export / ลด Import นอกจาก การหาตลาดใหม่ๆ รวมทั้งการเจรจา FTA เราควรส่งเสริมการส่งออก ด้วยมาตรการค่าเงินบาทที่อ่อน เทียบกับคู่แข่งรวมทั้งลดอุปสรรค เช่น ขั้นตอน และ ค่าใช้จ่ายในการส่งออกที่สำคัญ ควรลดการนำเข้าสินค้าที่สามารถผลิตในประเทศ รวมทั้งการลักลอบนำเข้า และ การใช้ประโยชน์ในเขตปลอดอากร Free Zone ที่ทำลายอุตสาหกรรมในประเทศ อีกทั้งเร่งการผลิตของในประเทศ แทน การนำเข้า เช่น ส่งเสริมเชื้อเพลิงสะอาดจากภาคเกษตรให้แข่งขันได้ เช่น เอทานอล E20 และไบโอดีเซลแทนการนำเข้า Crude oil (ฟอสซิล) ซึ่งยังตอบโจทย์ Climate Change
“ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณรัฐบาลชุดนี้ที่ได้เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลายเรื่อง อย่างเต็มที่ด้วยนโยบายดีๆ หลายเรื่องและผมมั่นใจว่า เอกชน และ ทุกภาคส่วน ต่างก็พร้อมที่จะ ให้กำลังใจ และร่วมทำงานเชิงรุกอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อผลักดันในประเทศไทยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายอิศเรศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี