นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ถือเป็นอีก 1 ปีที่มีความท้าทายสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะพบอุปสรรคใหญ่พร้อมกันถึง 3 เรื่อง คือ หนี้ครัวเรือนสูง, อุปทานล้น, และความเชื่อมั่นต่ำ นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับปัจจัยผันผวนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งจากนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ และสงครามการค้าการลงทุนของโลกที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้ บริษัทจึงมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รับมือกับอุปสรรคต่างๆ ได้ พร้อมเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งปี 2568 นี้จะกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลาย รักษาความเชื่อมั่นของแบรนด์ ผ่านมาตรฐานสินค้าคุณภาพสูงและบริการที่อบอุ่น รักษาตำแหน่งผู้นำบ้านเดี่ยว เพิ่มส่วนแบ่งตลาดคอนโดมิเนียม และสัดส่วนกำไรจากอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ

โดยในการปรับตัวจะผ่านการ Reform ใน 3 เรื่องสำคัญ 1.ปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ แบ่งเป็น 3 กลุ่มเพื่อกระจายความเสี่ยง คือ วางแผนเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ รวมมูลค่า 28,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 12 โครงการ รวมมูลค่า 18,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท

2. สร้างรายได้ประจำ จากธุรกิจโรงแรม คลังสินค้า อาคารสำนักงาน และอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐ ซึ่งในปี 2568 มีแผนเปิดโรงแรมใหม่ 2 แห่ง ในช่วงไตรมาส 2/ 2568 และเปิดคลังสินค้าเพื่อเช่า 3 โครงการใหม่ และ 3.มองหาโอกาสใหม่ ลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต คาดจะเริ่มลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ซึ่งมองไว้ 3-4 ธุรกิจ เตรียมเงินลงทุนไว้แล้ว

นายณัฐพงศ์กล่าวว่า ปี 2568 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และรายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2566 โดยปี 2568 วางงบลงทุนไว้ที่ 7,000 ล้านบาท เท่ากับปี 2567 ทั้งนี้ตั้งเป้า EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) จากธุรกิจที่เป็นรายได้ประจำ และธุรกิจใหม่ สัดส่วนมากกว่า 25% ของกลุ่ม ใน 2-3 ปีข้างหน้า จาก 20% ในปี 2567 ส่วนงบลงทุนในปี 2569-2570 ขอดูสถานการณ์ก่อน อย่างไรก็ตามตั้งเป้าใน 5 ปี ต้องมีรายได้และยอดขายเกิน 30,000 ล้านบาท EBITDA ต้องมากกว่า 25% ใน 3 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 17,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 40% คอนโดมีเนียม 60% ซึ่งปี 2568 คาดรับรู้รายได้ 40% ที่เหลือจะทยอยรับรู้ปีถัดไป