นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานงวดปี 2567 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 3,959 ล้านบาท ลดลง 6% มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 1,118 ล้านบาท ลดลง 30% และมีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 1,119 ล้านบาท ลดลง 31% จากปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจน้ำในประเทศเวียดนามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 531% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับปัจจัยลบจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่ลดลงจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
สำหรับภาพรวมธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ทั้งในประเทศและต่างประเทศในปี 2567 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณยอดจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยในส่วนของการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำในประเทศมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added product) จากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าใหม่
สำหรับธุรกิจน้ำในประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 37 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 10% ปัจจัยหลักมาจากปริมาณยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการ ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Duong River ในปี 2567 จำนวน 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุน จำนวน 8 ล้านบาท ในปี 2566
สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 4% จากปีก่อนหน้า พร้อมมุ่งเน้นสร้างรายได้จากการเติบโตของความต้องการสาธารณูปโภคทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ากลุ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Data Center ที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำในปริมาณที่สูง รวมถึงมุ่งเน้นในการขยายการผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Water) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงคุณภาพและ sustainability ควบคู่กับการพัฒนา Smart Water Solutions ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาใช้พัฒนาระบบบริหารจัดการด้านสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และลดการสูญเสียน้ำ
ด้านธุรกิจพลังงาน ในส่วนของธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในปี ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ Solar Rooftop เพิ่มจำนวน 76 สัญญา จำนวนรวมประมาณ 106 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมทั้งสิ้น 290 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภท อยู่ที่ 965 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 701 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาจำนวน 264 เมกะวัตต์
ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าในปี 2567 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจำนวน 914 ล้านบาท ลดลง 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ลดลงจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากการกลับมาเดินเครื่องตามคำสั่งของ EGAT ซึ่งไม่สอดคล้องกับการบันทึกรายได้ แม้ว่าบริษัทฯ จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้กำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ และทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย โดย บริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนต่างๆในรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA เพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำ AI มาพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบ Solar Anomaly ที่สามารถตรวจจับและแจ้งเตือนโอกาสที่จะเกิดความผิดปกติของแผงโซลาร์ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และระบบ Solar Forecasting ซึ่งช่วยคาดการณ์ปริมาณการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยในการวางแผนซ่อมบำรุงรวมถึงลดต้นทุน และเพิ่มความเสถียรของระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer (P2P Energy Trading) รวมถึงการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) ซึ่งช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร รวมถึงบริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต อาทิเช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS)
นอกจากนี้ จากแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมทั้งในนิคมและนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ส่งผลให้ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเพิ่มเป็น 1,185 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียน 657 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
จากแผนการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งทางด้านธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) และธุรกิจพลังงาน (ไฟฟ้า) ส่งผลให้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติรวม 5 ปี (2568-2572) ที่ 35,000 ล้านบาท และยังคงรักษาอัตรากำไร EBITDA margin ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50% พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนรวมภายใน 5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 29,000 ล้านบาท
จากผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตรารวม 0.2525 บาทต่อหุ้น ซึ่งเมื่อหักการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนแรกปี 2567 ในอัตรา 0.0600 บาทต่อหุ้นที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปแล้ว คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มเติมอีกในอัตรา 0.1925 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 29 เมษายน 2568 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการสะท้อนศักยภาพความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินที่มั่นคงและการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอของบริษัทฯ
นายสมเกียรติ กล่าวปิดท้ายว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับผลการประเมิน SET ESG Rating ที่ระดับ AAA ซึ่งเป็นเรตติ้งระดับสูงสุด เป็นปีที่สองติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องแผนการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) และธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดหลักธรรมาภิบาล (ESG) ตอบโจทย์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี