nn ดูเหมือนว่ารัฐบาลก็ยังจะมั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี’68ขยายตัวได้ใน ระดับ 3-3.5% ทั้งที่ทุกสำนักวิชาการทางเศรษฐกิจของธนาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ 3 หน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล(แบงก์ชาติ คลัง สภาพัฒน์) เองก็ยังคาดการณ์ว่าไม่ถึง 3% แต่เหตุที่ทำให้ทำไมรัฐบาลยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปี’68 จะขยายตัวได้ระดับ 3-3.5% ก็เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะแรงหนุนจาก การแจกเงินของรัฐบาล...การส่งออกที่ยังขยายตัวได้...และการท่องเที่ยวที่จะยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นตามที่รัฐบาลประเมินไว้
หากวิเคราะห์ในเชิงลึกเหตุผลที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่าตัวช่วยที่รัฐบาลหวังพึ่งนั้นจะได้ผลในเชิงบวกไม่มากนัก เพราะว่า การแจกเงินของรัฐบาลทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา และจะมีครั้งที่ 3 ในปีนี้นั้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการบริโภคอย่างที่รัฐบาลตั้งใจ เพราะเงินที่ได้ไปถูกนำมาใช้เพื่อการบริโภคใหม่คิดเป็นไม่ถึง 20% ของเงินที่แจกไป เงินส่วนใหญ่ถูกนำไปชำระหนี้ ทั้งในและนอกระบบ ส่วนสินค้าที่ซื้อก็เป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และบางส่วนก็ถูกเก็บออมเอาไว้ เพราะไม่มั่นใจในโอกาสการหารายได้ในอนาคต
ส่วนเรื่องของการส่งออก แม้ว่าปี 2567 จะขยายตัวได้ 5.4% ซึ่งสูงกว่าหมายเดิม แต่ว่ามันเกิดมาจากแรงผลักดันของจากการนำเข้าจากจีนเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐ (Rerouting) ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ ตัวเลขที่ฟ้องชัดคือ การผลิตของไทยไม่ได้ดีขึ้น ทั้งที่ตัวเลขส่งออกเติบโต และในปี 2568 นี้การส่งออกของไทยจะต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้นจากทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐ โดยกลุ่มสินค้าที่ช่วยพยุงการส่งออกไทยในกลุ่ม Reroutingมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากสหรัฐ มีแนวโน้มกีดกันสินค้าที่มีต้นกำเนิดจากจีน และ สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐ อาจเจอกับมาตรการกีดกันทางการค้า นอกจากนี้สินค้าจากจีนจะทะลักเข้ามาแข่งขันในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีกับจีนรุนแรง รวมทั้งสินค้ากลุ่มที่ไทยมีการตั้งกำแพงภาษีกับสหรัฐ ในระดับสูงอาจถูกต่อรองให้ไทยนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมได้ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็จะฉุดภาคการผลิตของไทยย่ำแย่ลงไปอีก ซึ่งก็ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจแน่นอน
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังเข้ามาใกล้เคียงเป้าหมายที่รัฐบาลประเมินไว้ แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมาก เนื่องจากรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวมีการปรับตัวลดลงและต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดมาก และรายได้จากการท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่แค่ 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก และการกลับมาของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ส่งผลบวกต่อโรงแรมขนาดใหญ่ นอกจากนี้ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น (Backward Linkages) ของภาคการท่องเที่ยวไทยมีน้อยกว่าในต่างประเทศ และนี่คือเหตุผลที่ทำการท่องเที่ยวมีผลต่อเศรษฐกิจไม่ทั่วถึง
เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นรัฐบาลมีนโยบายที่จะเข้ามาแก้โจทย์เหล่านี้ ซึ่งอาจจะกล่าวได้มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เศรษฐกิจไม่อาจเติบโตได้ในระดับมากกว่า 3% ซ้ำร้ายจะนำไปสู่การออกแบบนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง และสร้างปัญหาตามมาในอนาคต
พงษพันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี