กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดผลประชาพิจารณ์ ‘จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจควรเรียกเอกสารเจ้าบ้านยืนยันให้ใช้สถานที่หรือไม่?’ ตลอด 16 วันมีผู้มีส่วนได้เสียและผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความเห็น โดยระบุไม่เห็นด้วย (ไม่ควรเรียกเอกสาร) 621 ราย หรือ 86.37% เห็นด้วย 98 ราย หรือ 13.63% เหตุผลหลักที่ไม่เห็นด้วย เป็นการเพิ่มภาระแก่ผู้ประกอบการที่สุจริต เพิ่มต้นทุน เกิดความล่าช้า เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติ ไม่สอดคล้องกับรัฐบาลยุคดิจิทัล มาตรการดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องหรือช่วยในการแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล และอาจละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเสนอแนะให้นำเทคโนโลยี/เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นมาใช้ในการตรวจสอบที่ตั้ง และหากพบนิติบุคคลทำผิดควรเร่งส่งเรื่องให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายดำเนินการโดยเร็ว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น (ประชาพิจารณ์) ร่างคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง กำหนดหลักเกณฑ์และเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด และจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าเจ้าของที่ตั้งยินยอมให้ใช้เป็นสำนักงานนิติบุคคล โดยผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นทั้งผลดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากคำสั่งฯ ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม - วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย www.law.go.th และเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th ซึ่งเป็นไปตามมาตรการและแผนงานในการกำกับดูแลการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้เป็นไปอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่
ภายหลังเสร็จสิ้นระยะเวลารับฟังความคิดเห็นฯ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการประมวลผลประชาพิจารณ์ร่างคำสั่งฯ ดังกล่าว พบว่ามีภาคธุรกิจ ประชาชนทั่วไป และผู้มีส่วนได้เสีย เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยผลการแสดงความคิดเห็นมีดังนี้
1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ผู้ขอจดทะเบียนส่งหลักฐานเพื่อแสดงว่าเจ้าของที่ตั้งสำนักงานยินยอมให้ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดใช้สถานที่เป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ประกอบคำขอจดทะเบียน (มีผู้แสดงความเห็นทั้งหมด 719 คน) * เห็นด้วย 98 ราย คิดเป็น 13.63% * ไม่เห็นด้วย 621 ราย คิดเป็น 86.37%
2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับคำสั่งฯ ฉบับนี้ (มีผู้แสดงความเห็นทั้งหมด 718 คน) * เห็นด้วย 94 ราย คิดเป็น 13.09% * ไม่เห็นด้วย 624 ราย คิดเป็น 86.91%
3. ข้อเสนอแนะอื่นๆ มีผู้แสดงความคิดเห็น 210 ราย
ทั้งนี้ ผลการรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่ “ไม่เห็นด้วย” กับการส่งหลักฐานหรือเอกสารเจ้าบ้านยินยอมให้ใช้สถานที่ และ “ไม่เห็นด้วย” กับร่างคำสั่งฯ ดังกล่าว โดยเหตุผลหลักที่ไม่เห็นด้วย คือ * เป็นการเพิ่มภาระและขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ประกอบธุรกิจอย่างสุจริต * เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติ * ทำให้เกิดความล่าช้า * เพิ่มต้นทุนในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล * ไม่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการทำงานภาครัฐในยุคดิจิทัลของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกประชาชนและภาคธุรกิจ * บัญชีม้านิติบุคคลและการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน * มาตรการดังกล่าวไม่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาการนำนิติบุคคลไปใช้เป็นบัญชีม้า * ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
ขณะเดียวกัน ผู้แสดงความคิดเห็นได้ให้ข้อเสนอแนะถึงมาตรการการแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคล ดังนี้ * ควรนำเทคโนโลยีมาใช้ตรวจสอบสถานที่ตั้งของนิติบุคคล * เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นในการตรวจสอบ เช่น หน่วยงานภาษีหรือหน่วยงานท้องถิ่น * หากนิติบุคคลไม่ปฏิบัติตามข้อกฎหมายควรส่งเรื่องให้สำนักงาน ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่สร้างภาระให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ
กรมฯ น้อมรับฟังทุกความคิดเห็นของภาคประชาสังคม และพร้อมนำความคิดเห็นที่ได้รับมาดำเนินการพัฒนาระบบจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น การรับฟังความคิดเห็นฯ ข้างต้น เป็น 1 ในมาตรการหลักของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการแก้ไขปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลกรณีไม่มีที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคลจริง หรือ แอบอ้างนำที่อยู่แจ้งที่ตั้งสำนักงานโดยเจ้าบ้านไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งเข้าข่ายเป็นบริษัทไม่มีสถานที่ตั้ง รวมทั้ง สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ที่ต้องการร่วมประกอบธุรกิจหรือทำธุรกรรมกับนิติบุคคลว่ามีสถานที่ตั้งที่ถูกต้องและมีสถานที่ตั้งอยู่จริง
ทั้งนี้ กรมฯ มีมาตรการเชิงบริหารในการกำกับดูแลการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชนเกี่ยวกับสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคล มิให้ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยได้ดำเนินการดังนี้
1. จัดทำระบบตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคลผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หากพบว่าที่อยู่ของตนเองถูกนำไปใช้จัดตั้งนิติบุคคลโดยไม่ได้รับทราบมาก่อนหรือไม่ยินยอม สามารถส่งหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งนั้นได้ โดยพื้นที่กรุงเทพมหานครให้ส่งหนังสือและเอกสารมาถึงผู้อำนวยการกองธรรมาภิบาลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เลขที่ 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 และกรณีที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ส่วนภูมิภาคหรือต่างจังหวัดให้ยื่นต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่นิติบุคคลนั้นตั้งอยู่ หรือส่ง e-Mail มาที่ cgbusiness@dbd.go.th
2. สำหรับนิติบุคคลที่กรมฯ ตรวจสอบแล้ว หากพบว่าไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนอยู่จริง กรมฯ จะดำเนินการหมายเหตุไว้ในระบบจดทะเบียนว่านิติบุคคลดังกล่าวว่า ‘ไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้’ และส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีฐานแจ้งข้อความเท็จ พร้อมหมายเหตุบนหน้าหนังสือรับรอง และระบบ DBD Datawarehouse+ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจได้รับทราบ
3. ไปรษณีย์ไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกรมฯ ในการตรวจสอบสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ผู้ขอจดทะเบียนได้แจ้งไว้และปักหมุดพร้อมแสดงภาพถ่ายในลักษณะแผนที่ Google Map ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูลที่ตั้งนิติบุคคลสามารถเช็คและเห็นภาพสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ได้แจ้งจดทะเบียนไว้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วๆ นี้
4. ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขยายผลเอาผิดและบังคับใช้กฎหมายกับผู้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานในเรื่องสถานที่ตั้งนิติบุคคลและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ นิติบุคคลต้องมีสำนักงานที่ตั้งและแจ้งต่อนายทะเบียนของกรมฯ เมื่อดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน หากไม่กระทำตามจะต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5. มาตรการป้องปรามบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินที่ปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อ HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมฯ ได้ออกคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 3/2567 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดของบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐาน ตามรายชื่อของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยหากมีบุคคลซึ่งมีรายชื่ออยู่ในบัญชี HR-03 มาขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหรือแจ้งชื่อเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนหรือกรรมการบริษัทจำกัด จะเรียกให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียน และส่งข้อมูลต่อให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อติดตามขยายผล ทั้งนี้ หากไม่มาแสดงตนก็จะไม่รับจดทะเบียนให้
นอกจากนี้ กรมฯ ได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และสมาคมธนาคารไทย ดำเนินการร่วมกันในการตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงเพื่อบรรเทาปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลป้องกันไม่ให้นำไปหลอกลวงประชาขน ซึ่งสร้างความสูญเสียทรัพย์สินในวงกว้าง” อธิบดีอรมน กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี