นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 เติบโตเกินเป้าหมาย โดยมีกำไรสุทธิพุ่งแตะ 44.56 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 90.69% ตอกย้ำศักยภาพการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งและแนวโน้มธุรกิจที่สดใส

โดยมีรายได้รวม 1,740.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 257.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.33% แบ่งเป็น รายได้จากการขายอะไหล่แท้จากค่ายรถยนต์ (Genuine Parts) 1,551.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.07% เนื่องจากความต้องการอะไหล่ซ่อมบำรุงรถยนต์ยังสูง จากมาตรการปล่อยสินเชื่อรถใหม่ที่เข้มงวด รายได้จากอะไหล่ทดแทน (Replacement Parts) 188.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.56% จากการเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ และการรับรู้รายได้จากการขายเครื่องเรือยนต์ และรายได้อื่น 1.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.25% มาจากค่าสินไหมประกันภัยและการปรับปรุงรายการค่าใช้จ่าย

‘ความสำเร็จของกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยหนุนหลักมาจากการควบคุมต้นทุนและการลดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนขายสามารถบริหารจัดการได้ดี ตามยอดขายที่ขยายตัวและต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายคิดเป็นเพียง 2.39% ของรายได้จากการขาย ลดลงจากปีก่อน จากการบริหารค่าโฆษณาและค่าขนส่งที่ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 4.11% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายเงินเดือนที่ปรึกษา และการใช้พลังงานสะอาดผ่านโครงการ Solar Rooftop ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังอยู่ในระดับสูง’นายสกล กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ปี 2568 บริษัทจะเดินหน้าต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่ และขยายตลาดทั้งในกลุ่ม Genuine Parts และ Replacement Parts พร้อมกับพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ใช้ Big Data และ AI บริหารจัดการสินค้าคงคลังให้แม่นยำยิ่งขึ้น รองรับความต้องการอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า (EV Parts) ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต

‘บริษัทพร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจอะไหล่รถยนต์ในไทย รับภาพรวมตลาดรถยนต์สะสมในประเทศที่มีอายุเกิน 7 ปี มีจำนวน 22 ล้านคัน รวมทั้งทีมผู้บริหารได้ลุยขยายตลาด นำแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาเสริมพอร์ต สนับสนุนยอดขายและกำไรให้คึกคัก’นายสกล กล่าว

ทั้งนี้เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลจากผลประกอบการประจำปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่าตัว กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 12 มีนาคม 2568 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 13 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 โดยจะมีการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 23 เมษายน 2568 อีกครั้ง

-033