ll บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้(3-7 มี.ค. 2568)....โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องเพราะตลาดคลายกังวลจากกรณีที่สหรัฐฯ เจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน แม้จะยังคงมีเหตุการณ์โจมตีระหว่างกันอย่างต่อเนื่องขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯเดือน ก.พ. 2568 คาดลดลงติดต่อกัน3 เดือน สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ มิ.ย. 2567 อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน และสหรัฐฯ มีแผนยกเลิกการอนุญาตให้บริษัทน้ำมันต่างชาติส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา ส่งผลให้ตลาดคาดจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันกระทรวงน้ำมันของอิรักแถลงจะส่งแผนลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบให้กับ OPEC+ เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตเกินโควตาในช่วงก่อนหน้านี้...ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 65-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 69-79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...
ll ตัวแทนภาคเอกชน 5 แห่ง ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน, สมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย(RE100), สมาคมพลังงานลม (ประเทศไทย),สมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทยและสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย ได้ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พร้อมส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, ปลัดกระทรวงพลังงาน, คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงาน กกพ.) เพื่อแสดงความเห็นต่อข้อเสนอลดค่าไฟฟ้า 17 สตางค์จากพลังงานหมุนเวียนแบบ Adder และ Feed in Tariff (FiT)…โดยสาระสำคัญของหนังสือดังกล่าวระบุว่า จากกรณีที่เลขาธิการ สำนักงาน กกพ. และ กกพ. บางท่าน ได้เสนอแนวคิดมาตรการลดค่าไฟฟ้าจาก 4.15 บาทต่อหน่วย ให้ลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย โดยใช้วิธีตัดค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ (Policy Expense) ซึ่งประกอบด้วยการจ่ายค่าไฟฟ้าในรูปแบบ “การให้เงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า หรือ Ader” และการให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed in Tariff หรือ FiT) ซึ่งผู้ผลิตไฟฟ้าจะได้รับตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยค่าใช้จ่ายนี้ที่เป็นส่วนประกอบของต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าเพียง 17 สตางค์ต่อหน่วย...ดังนั้นตัวแทนภาคเอกชนทั้ง 5 แห่ง จึงต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อขอให้ภาคนโยบายทบทวนและยกเลิกการดำเนินการตามแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากการยกเลิกหรือแก้ไขสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Adder และ FiT ทั้งหมด เพื่อลดค่าไฟฟ้า 17 สตางค์ต่อหน่วยทันที จะมีผลกระทบหลายเรื่อง...เช่น 1.กระทบต่อผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน ผู้ผลิตไฟฟ้าหลายรายอาจจะต้องยุติการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาที่ได้รับจากภาครัฐแล้ว เนื่องจากไม่มีความสามารถในการชำระหนี้คืนแก่สถาบันการเงิน เพราะการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจะได้รับเงินกู้จากสถาบันการเงินที่คำนวณจากต้นทุนของโครงการในขณะนั้นและไม่ได้ลดลงตามต้นทุนของเทคโนโลยีในปัจจุบัน... 2.สถาบันการเงินไม่มั่นใจที่จะให้สินเชื่อ เนื่องจากความเสี่ยงด้านนโยบายที่เพิ่มขึ้น ทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของไทยลดลงจากการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ทำไว้กับการไฟฟ้า... 3.ผลกระทบด้านกฎหมาย ได้แก่1) สัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่มีข้อสัญญาใดที่ให้อำนาจรัฐแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงราคารับซื้อไฟฟ้าได้ฝ่ายเดียว การใช้อำนาจฝ่ายเดียวจึงอาจเป็นการกระทำที่ปราศจากฐานทางกฎหมายรองรับ 2 ขัดต่อวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงานพ.ศ. 2550 เนื่องจากการแก้ไขราคาหรือสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ได้ลงนามไปแล้วโดยไม่มีฐานทางกฎหมายรองรับ ก่อให้เกิดภาระทางการเงินและความเสียหายในการชำระเงินกู้ ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงหรือคาดหมายไว้ในวันลงนามสัญญา ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า 3) ขัดแย้งต่ออำนาจทางกฎหมาย มาตรา 7(7) และ (8) ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงานพ.ศ. 2550 กรณีภาครัฐเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสัญญา ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจนไม่สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ย่อมขัดต่ออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว ที่จะส่งเสริมการประกอบกิจการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้พลังงาน 4) กกพ. มีหน้าที่และอำนาจตามมาตรา 65 ของพ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 โดยต้องกำกับดูแลค่าบริการที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและคำนึงถึงผลตอบแทนที่เหมาะสมของการลงทุน ดังนั้น การยกเลิกหรือแก้ไขสัญญาโดยไม่มีกฎหมายรองรับ จะส่งผลให้ กกพ. ไม่อาจใช้อำนาจกำกับดูแลการประกอบกิจการไฟฟ้าได้ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว...
ll บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีกำไรจากการดำเนินงาน 9,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 5,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,796 ล้านบาท หรือ 165% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ พร้อมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเคาะจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง3.25 บาท/หุ้น รวมปันผลทั้งปี 6.50 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6%...ll
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี