นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนภายในช่วง 5 ปี(2568-2572) ไว้ที่ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี่จะมีการแบ่งออกมาใช้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเดินหน้า 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 60% ธุรกิจพลังงานทดแทน 20% และธุรกิจที่อยู่ในบ้านปู เน็กซ์ 20% โดนเน้นที่ไปตัวการทำเหมืองที่มีแร่นิกเกิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่บริษัทเร่งเดินหน้าในประเทศอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจให้เติบโตได้ในอนาคต โดยตั้งเป้าจะสามารถทำกำไร ก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เติบโต 1.5 เท่า แตะ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573 จากปี 67 ที่ทำได่ 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 46,970 ล้านบาท
“เราประเมินกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ ในปีนี้เรามุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและการปรับโครงสร้างอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอย่างสมดุลที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะทำให้บ้านปูเป็นบริษัทพลังงานที่แตกต่างที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน” นายสินนท์ กล่าว
โดย 4 แนวทางข้างต้น ในปี 2568 แต่ละธุรกิจเรือธงของบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินตามแผน โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ทั้งธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ โดยจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ราคาก๊าซ ด้านธุรกิจเหมือง มุ่งผสาน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบการจัดการอัจฉริยะ ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า ตั้งเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 1,500 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะในประเทศยุทธศาสตร์ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน เน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะเสริมการทำงานระหว่างระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้พลังงานหมุนเวียนมีความต่อเนื่องยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 2567 บริษัทฯ รายงานรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 181,549 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,964 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 682.42 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท
นายสินนท์ กล่าวว่า กรณีการเปลี่ยนแปลงของนโยบายสหรัฐอเมริกาตามการดูแลของนายโดนัล ทรัมป์ ที่ต้องการจะเป็นอเมริกา เฟิร์ทว่าความเสี่ยงของการลงทุนต่าง ๆ นั้นมีอยู่แล้ว แต่บ้านปูมีธุรกิจอยู่ในอเมริกามานาร และภาพรวมธุรกิจส่วนใหญ่ในอเมริกาออกมาเป็นบวก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้บริษัทฯ พร้อมที่จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องภายใต้การดูแลความเสี่ยวอย่างเต็มที่
ทั้งนี้บริษัทมีความคืบหน้าที่สำคัญในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การเสนอขายหุ้น IPO ของ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐฯ ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) การขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซในญี่ปุ่น การได้รับเงินสนับสนุน (Subsidy) จากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ในการพัฒนาโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มแห่งใหม่ 2 โครงการในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์ชั่วโมง คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/71 และการพัฒนาโครงการ CCUS ของ BKV ที่ชื่อว่าโครงการ Eagle Ford คาดว่าจะกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 90,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ในไตรมาส 1/69
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี