ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่า ความกังวลของนักลงทุนต่อที่มีต่อ AOT กับ คิง เพาเวอร์ (King power) ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานหลัก จากการเลื่อนจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทน ประกอบด้วย สัญญาที่ AOT ทำไว้มี 2 บริษัท ในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิจำกัด (KPS) ได้เลื่อนขอชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งทาง KPS ได้เข้ามาจ่ายดอกเบี้ยที่ชำระล่าช้าแล้ว และอีกสัญญาคือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ประกอบกิจการจำน่ายสินค้าปลอดอากร ได้ขยายเวลาเป็นเดือนเมษายน 2568
ทั้งนี้ยืนยันว่าการจ่ายที่ล่าช้าของคิง เพาเวอร์ไม่กระทบต่อรายได้ และกำไรของ AOT ไม่ทำให้รายได้ลดลง แต่เปลี่ยนหมวดจากเงินสด มาเป็นลูกหนี้การค้าเท่านั้น และยังมี Minimum Guarantee ของคิง เพาเวอร์ อยู่ 12,000 ล้านบาทต่อ ปี พร้อมให้ความมั่นใจว่าปี 2568 นี้ผลงานของ AOT น่าจะดีกว่าปี 2567 จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 22% ทำให้มั่นใจว่าปี 2568 นี้เป้านักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 130 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2567
สำหรับแผนการลงทุนนั้น AOT จะเปิดประมูลโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเดือนพฤษภาคมนี้ และเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2568 ซึ่งมีมูลค่า 9,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่อีกไม่น้อยกว่า 60,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปี
โดยใช้เวลาดำเนินโครงการ 3 ปี โครงการนี้ใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยแก้ปัญหาความแออัดของอาคารผู้โดยสาร เพิ่มพื้นที่ของอาคารผู้โดยสารอีก 20% จาก 400,000 ตารางเมตร เป็น 480,000 ตารางเมตร โดยจะเพิ่มพื้นที่เช็คอิน ตรวจค้น และตรวจคนเข้าเมือง ส่งผลให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 80 ล้านคนต่อปี
ในขณะเดียวกันแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะมีการปรับใหม่ โดยจะมีการรวมพื้นที่ที่เคยวางไว้ในแผนเดิม คือ อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ทางด้านทิศใต้ (south terminal ) และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 หรือ Satellite 2 (SAT-2) เข้าไว้เป็นอาคารเดียวกัน คือ south terminal เพื่อให้เชื่อมต่อถึงกันได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งงบลงทุน south terminal รถไฟฟ้า APM และรันเวย์ที่ 4 ประมาณ 130,000 ล้านบาท
นอกจากนี้โครงการส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตกของอาคารผู้โดยสาร (West Expansion) วงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท และส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ยังต้องศึกษาอีกรอบ แต่มีแนวโน้มว่าจะยกเลิก เนื่องจากอาคารผู้โดยสารหลักที่ปรับปรุงใหม่ และโครงการ south terminal ที่อยู่ในแผนการก่อสร้าง ซึ่งน่าจะเพียงพอในการรองรับผู้โดยสารแล้ว โดยคาดว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการทำศูนย์ซ่อมเครื่องบิน หรือ MRO และคาร์โก้ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ AOT เพิ่มได้
อย่างไรก็ตามจากการที่กระทรวงคมนาคม จะยกเลิกโอน 3 ท่าอากาศยานคือ กระบี่ อุดรธานี และบุรีรัมย์ ให้ AOT ดูแลนั้น มองว่าแม้ AOT จะมีศักยภาพในการบริหาร แต่ทั้ง 3 ท่าอากาศยานต้องใช้งบในการปรับปรุงอยู่พอสมควร เพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน AOT มีโครงการที่จะพัฒนาท่าอากาศยานอยู่หลายแห่ง ทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ซึ่งล้วนใช้งบลงทุนสูง จึงลดเม็ดเงินลงทุนไปได้
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี