นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานปี 2567 บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 53,738 ล้านบาทช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อ 88,472 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) 90% ค้ำประกันเฉลี่ย 100,000 บาทต่อราย อีก10% เป็น SMEs ทั่วไป ค้ำประกันเฉลี่ย 4.96 ล้านบาทต่อราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 58,986 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 487,253 ตำแหน่ง สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 220,462 ล้านบาท
สำหรับโครงการหลัก PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” มียอดค้ำประกัน 28,537 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 30,381 ราย โดยเป็นกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) ถึง 72%และเป็นกลุ่ม Micro SMEs ถึง 83% ตอกย้ำความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น
นายสิทธิกรกล่าวว่า เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง ในปี 2568 บสย. ได้ปรับเงื่อนไขมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ให้ผ่อนปรนยิ่งขึ้น เพื่อช่วย SMEs ปลดหนี้ได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น อาทิ เพิ่มระยะเวลาผ่อน, ตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว มาตรการใหม่ ช่วย SMEs “กลุ่มเปราะบาง” ที่มียอดหนี้ เงินต้นไม่เกิน2 แสนบาท อัตราดอกเบี้ย 0% ชำระครั้งแรกเพียง500 บาท ผ่อนสูงสุด 80 เดือน ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ค่างวดขั้นต่ำเพียง 500-2,500 บาท และสามารถปลดหนี้ ลดต้น 30% เมื่อจ่ายต่อเนื่อง 6 งวด โดยตลอดปี 2568 ตั้งเป้าปรับโครงสร้างหนี้ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ไม่ต่ำกว่า 5,000ราย คิดเป็นมูลหนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายสิทธิกรกล่าวว่าปีนี้ได้เตรียมวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 110,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 142,000 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 165,000 ราย รักษาการจ้างงาน 940,000 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ 454,300 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อต่างๆ ทั้งโครงการตามมาตรการรัฐ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ โดย บสย. ดำเนินการเอง ครอบคลุมการช่วยเหลือ SMEs ทุกกลุ่ม ดังนี้
1. ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อกระบะใหม่ ในการขนส่งสินค้าและธุรกิจค้าขาย ล่าสุดได้เปิดตัว มาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ (บสย. SMEs PICK-UP) วงเงิน 10,000 ล้านบาท คาดว่าช่วยผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่ เข้าถึงสินเชื่อ 12,500 ราย รักษาการจ้างงาน 37,500 ตำแหน่ง สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 41,300 ล้านบาท อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นตลาดรถเชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาเติบโตอีกครั้งซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดปีนี้
2. ผู้ประกอบการรายย่อย/กลุ่มเปราะบาง ผู้ที่เริ่มทำธุรกิจ อาชีพอิสระ ได้แก่
โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs สร้างโอกาส” มุ่งช่วย SMEs ที่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบ วงเงินโครงการ 2,000 ล้านบาท และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs มีทุน” มุ่งช่วย SMEs รายย่อย อาชีพอิสระที่มีปัญหาเข้าถึงสินเชื่อในระบบ วงเงินโครงการ 2,000 ล้านบาท รวม 2 โครงการ คาดว่าจะช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย
3. ผู้ประกอบการที่มุ่งเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจ สีเขียว ผ่านโครงการ PGS 11 บสย. SMEs Smart Green
4. ผู้ประกอบการใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่อนาคต ผ่านโครงการ PGS 11 บสย. SMEs Ignite Biz และ บสย. SMEs Ignite One
5. ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และอยู่ระหว่างฟื้นตัว เป็นกลุ่มที่ต้องการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง
6. ผู้ประกอบการที่ฟื้นตัวจากโควิด และต้องการขยายกิจการ โดย บสย. เดินหน้าให้ความช่วยเหลือผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่ออัตราค่าธรรมเนียมตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) และโครงการรายสถาบันการเงินระยะที่ 7
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี