10 มี.ค. 2568 ในการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งมี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา (คนที่ 2) ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม มีการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในวาระที่ 2 และ 3 โดยผลการลงมติ วาระที่ 2 นั้น มีผู้ร่วมลงมติ 177 คน เห็นด้วย 156 คน ไม่เห็นด้วย 11 คน และงดออกเสียง 10 คน จากนั้นลงมติวาระที่ 3 ต่อในทันที ซึ่งมีผู้ร่วมลงมติ 177 คน เห็นด้วย 166 คน ไม่เห็นด้วย 3 คน และงดออกเสียง 8 คน

ซึ่งหลังจากการลงมติเสร็จสิ้น พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา ลุกขึ้นแสดงความเห็นเพิ่มเติม ว่า จากการไปดูงานใน จ.น่าน ได้พูดคุยกับผู้ผลิตสุราในพื้นที่ ซึ่งเห็นด้วยหากร่างกฎหมายสรรพสามิตฉบับนี้จะผ่านออกมาบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม พบปัญหาคือขวดบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีเสียงสะท้อนว่าต้องสั่งจากต่างประเทศ ทำให้ยังมีต้นทุนการผลิตที่สูง

“เจ้าของเจ้าใหญ่เขาล็อกหมดเลย ไม่ผลิตให้เลย แล้วเอาจากไหน? สั่งต่างประเทศ แล้วแพงไหม? แพง! เป็นข้อสังเกตจากผู้ผลิตสุราพื้นเมืองสะท้อนผ่านมายังผมนำเรียนให้ท่านประธานได้ทราบว่ามีช่องทางใดไหม? ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาประเด็นนี้ด้วย หลายคนไม่คิดถึง ผลิตแล้วเอาขวดที่ไหน? ถ้าขวดต่างประเทศมันแพงนะ อย่างต่ำให้ได้ขวดในประเทศเรานี่แหละ จ้างคนงานในประเทศ เศรษฐกิจก็หมุนเวียนในประเทศ” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “สมาคมคราฟท์เบียร์” ได้โพสต์ข้อความถึงการลงมติของ สว. ดังนี้

วุฒิสภามีมติเห็นชอบร่างแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบจำนวน 166 เสียง จากจำนวนผู้ลงมติทั้งหมด 177 เสียง

ซึ่งสาระสำคัญของการแก้ไขในมาตรา 153 วรรคสามของ พ.ร.บ. นี้ คือ:

“กฎกระทรวงในวรรคสอง ให้คำนึงถึงมาตรฐานการผลิตสุราและต้องสนับสนุนให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน องค์กรเกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายย่อย สามารถขอรับใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้า โดยนำสินค้าเกษตรในประเทศมาผลิตเป็นสุราทุกประเภทที่อาจมีสี หรือมีกลิ่นได้ แต่มิให้กำหนดหลักเกณฑ์ใดในการพิจารณาออกใบอนุญาต ที่เป็นการเลือกปฏิบัติหรือผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยไม่เป็นธรรม หรือสร้างภาระเกินสมควร เว้นแต่เป็นการกำหนดสัดส่วนความเป็นเจ้าของของบุคคล ซึ่งมิใช่บุคคลสัญชาติไทย หรือเป็นการผลิตสุราของรัฐวิสาหกิจที่มี่วัตถุประสงค์เพื่อการผลิตสุรา หรือเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายย่อย”

สรุปอย่างง่าย คือ:

ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเกษตรกร สามารถผลิตสุราและเบียร์ได้ทุกประเภท จากที่ก่อนหน้านี้เคยถูกจำกัด เช่น ไม่สามารถผลิตสุราอย่างจิน รัม บรั่นดี หรือวิสกี้ได้ รวมถึงการบรรจุเบียร์ลงกระป๋องก็ทำไม่ได้ หรือมีข้อกำหนดขั้นต่ำในการผลิตที่ 30,000 ลิตรต่อวัน แต่จากนี้ไป “สามารถทำได้” ทั้งหมด

กระบวนการต่อไป นายกรัฐมนตรีจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้

ในนามสมาคมฯ คราฟท์เบียร์ ขอขอบคุณ:

- ส.ส. ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ - หนุ่ม ประธานกรรมาธิการ ผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันร่างนี้ และช่วยประสานงานระหว่างผู้ประกอบการและรัฐบาลอย่างเต็มที่

- ส.ส. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร - Taopiphop Limjittrakorn ผู้ขับเคลื่อนสำคัญที่มุ่งมั่นทำงานในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้สมาคมคราฟต์เบียร์มีส่วนร่วมในเวทีการประชุม

- คุณ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้ที่มีส่วนร่วมในการเสนอร่าง

- คุณบุญสืบ จันทร์แจ่มศรี ผู้ที่มีส่วนร่วมในการเสนอร่าง และการให้ข้อมูล

- กรรมาธิการจากทุกพรรคการเมือง และข้าราชการที่เข้าร่วมชี้แจง

- ผู้สนับสนุนรวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ตลอดจนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน ที่ร่วมผลักดันให้ร่างนี้เดินหน้ามาได้ถึงจุดนี้

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

สมาคมฯคราฟท์เบียร์    

ในวันเดียวกัน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

สว. โหวตผ่าน พรบ. สรรพสามิตแล้วนะครับ  หลังจากนี้คือรอโปรดเกล้าและบังคับใช้

จากนั้นทางกรมสรรพสามิตต้องออกกฎกระทรวงมาแก้ไขระเบียบเดิมให้ไม่มีข้อจำกัด ทั้งแรงม้า ปริมาณ หรืออื่น ๆ ที่จำกัดการขอใบอนุญาตของทั้งผู้ผลิตเบียร์ เหล้าขาว สุราสีอีกต่อไป

ประเทศไทยจะมีโรงเบียร์โรงเหล้าขนาดเล็กได้แล้ว

เส้นทางต่อไปคือ พรบ ควบคุม ที่จะพิจารณาในสัปดาห์นี้

ขอขอบคุณทุกท่านที่ต่อสู้ร่วมกันมาครับ หวังว่าเรื่องอื่น ๆของคนตัวเล็ก ๆจะได้ปลดล็อกอีกบ้าง

เส้นทางต่อไป พรบ. #ที่พักเท่าเทียม

#ประชุมสภา #สุราก้าวหน้า #พรรคประชาชน

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.facebook.com/photo/?fbid=663656436010503&set=a.202571895452295

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1213448070145591&set=a.495493651941040

043...