นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรไทยสามารถลดต้นทุนการผลิต และมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรไทยกำลังเผชิญปัญหารายจ่ายสวนทางกับรายรับ โดยเกิดจากการผลิตมีต้นทุนสูงขณะที่ผลผลิตมีราคาไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร การแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในระยะสั้นจำเป็นต้องหามาตรการรองรับเร่งด่วน อาทิ การควบคุมราคาสินค้า และการหาตลาดรองรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร ส่วนในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลต่อความยั่งยืนของรายได้เกษตรกร จำต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เหมาะสม ทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้ การปรับปรุงพันธุ์ การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม หรือโซนนิ่ง (Zoning)
อย่างไรก็ตามการโซนนิ่งเป็นการปรับโครงสร้างการผลิต เพื่อให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชเกษตรที่เหมาะสม กับสภาพพื้นที่ ทั้งนี้ ข้อมูลจากระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการจัดชั้นความเหมาะสมของที่ดินสำหรับเพาะปลูก ซึ่งพบว่าประเทศไทยปลูกพืชเกษตร หลายชนิดในพื้นที่ไม่เหมาะสม เช่น ข้าว มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 66.3 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 36.9 ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ อุบลราชธานี สกลนคร และร้อยเอ็ด จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก
ส่วนมันสำปะหลัง มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 13.0 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 40.2 ของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ อุบลราชธานี สุรินทร์ และชัยภูมิ จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ กำแพงเพชร พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ และปาล์มน้ำมัน มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 5.1 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 37.6 ของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ กระบี่ นครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี
ขณะที่ข้าวโพด มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 3.8 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 47.9 ของพื้นที่ปลูกข้าวโพดทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ เพชรบูรณ์ เชียงราย และน่าน จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ สระแก้ว สมุทรสาคร และอุบลราชธานี ส่วน มะพร้าว มีพื้นที่ปลูกทั่วประเทศประมาณ 1.5 ล้านไร่ โดยมีการปลูกในพื้นที่เหมาะสมน้อยจนถึงไม่เหมาะสม อยู่ที่ร้อยละ 15.4 ของพื้นที่ปลูกมะพร้าวทั้งหมด จังหวัดที่พื้นที่ไม่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และตราด จังหวัดที่พื้นที่เหมาะสมมากที่สุด อาทิ ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
ดังนั้น ประเทศไทยมีการปลูกพืชเกษตรในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก การให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรจึงเป็นปัจจัยสำคัญของการลดต้นทุนแก่เกษตรกร โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ให้เกิดการปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตที่มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนโดยบูรณาการข้อมูลด้านการตลาดและการเกษตรจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถนำไปใช้วางแผน การผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การปลูกพืชทดแทนต้องคำนึงถึงความต้องการตลาดด้วย เพื่อป้องกันปัญหาปริมาณผลผลิตล้นหรือขาดตลาด ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตรและรายได้เกษตรกร ทั้งนี้ ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของตลาด จะเป็นช่วงที่เกษตรกรอาจขาดรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอ ภาครัฐจำเป็นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร อาทิ การสนับสนุนต้นพันธุ์ การช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิต และการบริหารจัดการ รวมทั้ง ควรเร่งสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรถึงประโยชน์ของการปรับเปลี่ยนการผลิตพืชเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อยกระดับศักยภาพในการผลิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทย อันจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี