กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเวียดนามกำลังปรับปรุงกฎหมายอีคอมเมิร์ซใหม่ ปิดช่องโหว่กฎระเบียบเดิม และต้องการหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล แนะผู้ประกอบการไทย ใช้ประโยชน์จากการเติบโตนี้ แนะนำสินค้าไทย และขายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้าและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวอุษาศรี เขียวระยับ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม ถึงความคืบหน้าของรัฐบาลเวียดนามที่ออกกฎหมายอีคอมเมิร์ซใหม่ เพื่อปิดช่องโหว่ของกฎระเบียบเดิม และหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล และโอกาสของไทยในการใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซในการขายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ของเวียดนาม ประกาศแผนออกกฎหมายอีคอมเมิร์ซฉบับสมบูรณ์ เพื่อวางรากฐานทางกฎหมายที่ชัดเจนและแข็งแกร่งรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยกฎหมายฉบับใหม่นี้ มุ่งแก้ไขช่องโหว่ของกฎระเบียบเดิม พร้อมปรับให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตามคำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลและแพลตฟอร์มตัวกลาง เพื่อขจัดความคลุมเครือและสร้างมาตรฐาน และยังมีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ครอบคลุมทุกด้านของกิจกรรมอีคอมเมิร์ซ พร้อมระบุสิทธิและหน้าที่ของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อให้ครอบคลุมทุกรูปแบบธุรกิจและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการกับปัญหาการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ผิดกฎหมาย และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความมั่นคงทางไซเบอร์ อีกทั้งยังมีมาตรการรับรองความเป็นธรรมและความน่าเชื่อถือของบริการสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทำให้กระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเสนอกฎหมายต่อสภาแห่งชาติในเดือนตุลาคม 2568 และคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในเดือนพฤษภาคม 2569
ทั้งนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยขึ้นแท่นเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับสาม ในอาเซียนในปี 2567 และติดอันดับที่ห้าของโลกในแง่อัตราการเติบโตในปี 2565 มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซแบบ B2C เพิ่มขึ้นจาก 2,970ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2557 เป็น 20,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 มีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 20–30 ต่อปี และในปี 2567 แตะระดับ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนร้อยละ 9 ของรายได้รวมจากสินค้าหรือบริการของประเทศ
สำหรับ Shopee เป็นแพลตฟอร์มครองตลาดด้วยกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและโปรโมชันที่ดึงดูดผู้บริโภค ขณะที่ Tiki , Sendo และ Lazada Vietnam เป็นผู้เล่นหลักในตลาด โดย Tiki มีจุดเด่นด้านเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ส่วน Sendo มุ่งเน้นเจาะกลุ่มตลาดในเขตชนบท แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Amazon และ AliExpress ของ Alibaba แม้จะมีบทบาทในตลาดเวียดนาม แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากผู้เล่นท้องถิ่นและระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ด้วยโครงสร้างประชากรที่อายุน้อยและมีความคล่องตัวสูง กว่าร้อยละ 70 ของการซื้อสินค้าออนไลน์ในเวียดนามดำเนินการผ่านอุปกรณ์มือถือ โดยสินค้ายอดนิยมได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่นผลิตภัณฑ์ความงาม และเครื่องใช้ในบ้าน
นางสาวสุนันทากล่าวว่า จากการปรับปรุงกฎหมายอีคอมเมิร์ซ ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในเวียดนามมีโอกาสเติบโตสูงมาก อีกทั้งประชากรในเวียดนามกว่าร้อยละ 60 ยังมีการซื้อขายออนไลน์ มีมูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 400 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ทำให้อีคอมเมิร์ซกลายเป็นช่องทางการซื้อขายหลัก โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เช่น กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดดิจิทัล ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ทันสมัย
“โอกาสทางธุรกิจจากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงบริษัทข้ามชาติเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของเวียดนาม รวมถึงผู้ประกอบการจากต่างประเทศ สามารถใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ได้อย่างกว้างขวางในเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง”นางสาวสุ นันทากล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี