“ออมสิน” เปิดตัว “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” เติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐปีแรกตั้งเป้าหมายดึงคนฐานราก 5 แสนราย เข้าสู่ระบบสินเชื่อ พร้อมขยายผลเป็น 1 ล้านราย ภายใน 3 ปี
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดโครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ซึ่งเป็นนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคม ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่เคยกู้ธนาคารได้มาก่อน ให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงิน และได้รับโอกาสในการสร้างประวัติเครดิตทางการเงินที่ดี รวมถึงส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยมี นายธีรัชย์ อัตนวานิชประธานกรรมการธนาคารออมสิน และนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมในการเปิดตัวโครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลเร่งรัดการขับเคลื่อนและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อเพื่อเติมเงินเข้าหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย กระทรวงการคลังจึงได้มอบหมายธนาคารออมสิน ออกมาตรการสินเชื่อที่ผ่อนคลายเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติแก่ลูกค้ารายย่อยกลุ่มฐานราก ได้แก่ ผู้ที่เคยยื่นขอกู้ แต่ติดปัญหาความเสี่ยงเครดิต ทำให้ไม่เคยขอสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้ หรือเป็นผู้ที่ไม่เคยตรวจประวัติเครดิต ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ยังช่วยส่งเสริมให้คนไทยฐานรากได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน โดยตั้งเป้าหมายปีแรก 300,000 ราย พร้อมเตรียมขยายความช่วยเหลือได้ถึง 1 ล้านราย ภายใน 3 ปี
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิตสร้างโอกาส” เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานสนับสนุนบทบาทธนาคารเพื่อสังคม มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างโอกาสเข้าถึงระบบสินเชื่ออย่างทั่วถึง (Financial Inclusion) โดยเป็นนวัตกรรมสินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่เคยกู้ธนาคารได้มาก่อน ให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงิน และได้รับโอกาสในการสร้างประวัติเครดิตทางการเงินที่ดี ที่จะต่อยอดสำหรับการขอสินเชื่อในอนาคต
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายอนุมัติ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ในปีแรก 300,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 4,000 ล้านบาท พร้อมกับอนุมัติสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 200,000 ราย ในโครงการ “สร้างงานสร้างอาชีพ” ที่ได้เปิดโครงการไปก่อนหน้านี้ วงเงินอนุมัติเพิ่มเติมอีก 10,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะช่วยเติมทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายในครัวเรือนและสนับสนุนการประกอบอาชีพแก่ประชาชนได้กว่า 500,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 14,000 ล้านบาท
นายวิทัยกล่าวว่า “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย ไม่ต้องมีหลักประกันหรือบุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.60% ต่อเดือน และระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 1 ปี ปลอดชำระเงินต้น 3 งวดแรก โดยจ่ายเพียงดอกเบี้ย เพื่อให้โอกาสตั้งหลักก่อนเริ่มคืนเงินต้น
โดยเป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ ลูกจ้าง พ่อค้า แม่ค้า ผู้รับจ้างให้บริการต่างๆ ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อ ในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี โดยเป็นผู้มีสัญชาติไทย มีถิ่นที่อยู่แน่นอน และสามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระคืนผู้สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์และยื่นขอสินเชื่อได้ที่แอปพลิเคชั่น MyMo ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
สำหรับโครงการ “สินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ”เป็นอีกหนึ่งสินเชื่อที่ผ่อนปรนเงื่อนไขกว่าสินเชื่อปกติของธนาคาร เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ สำหรับผู้ที่มีเครดิตทางการเงินและต้องการเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ไม่ต้องมีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อเดือนผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ซึ่งศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือ GSBContact Center โทร.1115
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี