นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ (AIA Group) เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่) ว่า เอไอเอมีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมมากในปี 2567 จากผลกำไรของธุรกิจใหม่ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และเงินกองทุนส่วนเกิน โดยเอไอเอยังคงมุ่งสร้างมูลค่าผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจากการดำเนินงานและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันเอไอเอได้คืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่กว่า 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 18% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งทุกภาคส่วนธุรกิจมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของธุรกิจเอไอเอ ธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกำไรต่อเนื่องส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น 14% เป็น 8,606 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และกำไรของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 1.9 จุด เป็น 54.5% และมีกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,605 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12% ต่อหุ้น มีกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จาก 9% เป็น 11% ตั้งแต่ปี 2566-2569 โดยอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 14.8% เพิ่มขึ้นมา 130 จุด จาก 13.5% ในปี 2566
ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 71.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 9% ต่อหุ้น กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV operating profit) อยู่ที่ 10,025 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19% ต่อหุ้น มีอัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย อยู่ที่ 14.9% โดยเพิ่มขึ้น 200 จุด จาก 12.9% ในปี 2566 มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,327 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% ต่อหุ้น เงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ (Net FSG) อยู่ที่ 4,020 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังการลงทุนซ้ำในกรณีการเติบโตภายในของธุรกิจใหม่ มีอัตราส่วนทุนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 236% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ ได้แนะนำให้เพิ่มเงินปันผลประจำปี 10% คิดเป็น 130.98 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดเงินปันผลรวมต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2567 นอกจากนี้ตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ของเอไอเอ คณะกรรมการฯได้ประกาศการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งประกอบด้วยเงินจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายปันผล 75% ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิประจำปี (Net FSG) และเพิ่มอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามการตรวจสอบสถานะเงินทุนของกลุ่มบริษัทเป็นประจำ เมื่อรวมกันแล้ว การจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนจะทำให้เกิดอัตราผลตอบแทนรวมอยู่ที่ประมาณ 6% สำหรับผู้ถือหุ้น
“เอไอเออยู่ในตำแหน่งที่ดีและแตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในตลาดที่มีความน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผ่านการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายอันแน่วแน่ของเอไอเอ ซึ่งมั่นใจว่าโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวของเอไอเอยังคงยอดเยี่ยม เอไอเอจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของเอไอเอได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเอไอเอ”นายหลี่ กล่าว
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี