nn หอการค้าไทย และศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย...บอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังส่งสัญญาณที่น่ากังวลออกมา...หลังจากดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ทั้งที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (แจกเงิน) ตั้งหลายมาตรการ ทั้งแจกเงิน 1 หมื่นผู้สูงอายุ มาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt…ซึ่งทั้ง 2 มาตรการนี้ก็น่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าระบบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่ประชาชนกลับไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจมันจะดีขึ้น...
อันนี้ในสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ก็คงจะมองออกว่า...มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบอัดเม็ดเงินเข้าระบบ ที่แจกเงินแบบ“เฮลิคอปเตอร์มันนี่”เริ่มจะไม่ได้ผลอีกแล้ว...สำคัญกว่านั้นข้อจำกัดด้านงบประมาณก็น่าจะทำให้รัฐบาลดำเนินมาตรการแบบนี้ได้ลำบาก...ดังนั้นรัฐบาลควรตระหนักว่าไม่ควรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในฝั่งบริโภคเพียงอย่างเดียว...และควรฟังที่ภาคเอกชนเละนักวิชาการ(ที่ไม่ได้อยู่ในอาณัติของรัฐบาล)ที่เสนอว่ารัฐบาลควรจะมีมาตรการออกมาสนับสนุนภาคการผลิตให้เติบโตมากกว่านี้ และควรทำให้เอกชนมั่นใจมากขึ้นที่จะขยายหรือเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่านี้
วันก่อนคุณเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไปกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Real Connext 2025…ประเด็นพาดหัวข่าวก็คือ...อยากให้รัฐบาล...เร่งการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกท์ เพราะเห็นว่าไทยขาดโครงการเมกะโปรเจกท์มานานถึง 20 ปี (นับจากโครงการสุวรรณภูมิ)
เศรษฐศาสตร์วันหยุด...เห็นด้วยนะกับข้อเสนอแนะนี้ แต่จะให้ดีควรเป็นโครงการที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับเศรษฐกิจไทย...ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ช่วยลดต้นทุนด้านขนส่งและช่วยกระจายสินค้าส่งออกของไทยได้ดีขึ้น เช่น โครงการท่าเรือน้ำลึก สนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูง ไทย-จีนทางพิเศษยกระดับเชื่อมระหว่างเมืองสำคัญกับกรุงเทพฯ ฯลฯ
ถ้าจะให้ดีมากกว่านั้นเม็ดเงินลงทุนมหาศาลที่รัฐบาลจะต้องใช้ในการลงทุน ควรหาทางให้มันตกอยู่ในประเทศไทยมากที่สุด เช่น เรื่องของการรับเหมาก่อสร้าง ก็ควรเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างของไทย ซึ่งปัจจุบันก็มีขีดความสามารถสูงขึ้นมาก งานวิศวกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นคนไทยทำได้เกือบทั้งหมดแล้ว...ตอนนี้ผู้รับเหมาของจีนกำลังเข้ามาแย่งงานรับเหมาก่อสร้างของไทยอย่างหนัก ด้วยการตัดราคา(โดยใช้วัสดุราคาต่ำ)...หากรัฐบาลจะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ใหม่ๆ ก็ควรไม่ให้ผู้รับเหมาจากจีนมาแย่งงานจากผู้รับเหมาของไทยไป
เรื่องวัสดุก่อสร้างก็ต้องกำหนดใน TOR ไปเลยว่าต้องใช้วัสดุก่อสร้างในไทยและเป็นของผู้ประกอบการไทย 100% เพราะวัสดุก่อสร้างทั้งหมดไทยผลิตได้เองทั้งหมดอยู่แล้ว...แต่ที่ต้องเน้นหน่อยคือเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างสำคัญของโครงการก่อสร้าง...ต้องกำหนดไปเลยว่าเป็นเหล็กที่ผลิตในไทย โดยโรงงานที่มีคนไทย หรือผู้ถือหุ้นใหญ่คือคนไทย...แต่ก็ระวังเหล็กไทยสัญชาติจีนด้วยนะ...เพราะตอนนี้นักลงทุนจีนเขาใช้วิธีเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทเหล็กไทย และเปลี่ยนผู้ถือหุ้นไทยเป็นจีน โดยยังใช้
ชื่อบริษัท และพนักงานเดิม และใช้สิทธิการเป็นบริษัทไทยเพื่อผลิตและขายในไทย...บางทีลดกำลังการผลิตของโรงงานในไทยลงและใช้วิธีการนำเข้าสินค้าเหล็กจากจีนเข้ามาจำหน่ายแทน…บางรายก็แสบกว่า เช่น ใช้สิทธิประโยชน์ของเขตฟรีโซน อ้างนำเข้าเหล็กมาพักรอส่งออก แต่จริงแล้วลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเพื่อเลี่ยงอากรขาเข้า...ฯลฯ
การที่รัฐบาลเร่งลงทุนในเมกะโปรเจกท์เป็นเรื่องที่ดีและควรทำในตอนนี้...แต่สุดท้ายอย่ากลายเป็นว่า“เราเตะหมูเข้าปากหมา” ก็แล้วกัน....
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี