มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 เปิดฉากยิ่งใหญ่ รวมโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 1,000 โครงการจากผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 150 ราย พร้อมด้วยสถาบันการเงินชั้นนำ ผนึกกำลังกระตุ้นกำลังซื้อต้นปี 2568 ท่ามกลางปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐที่เตรียมออกมากระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดเงินสะพัด 4,000ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 23 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานพิธีเปิดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 กล่าวว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนสูงและเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน การจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ไม่เพียงเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นตัวเร่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดโดยรวม ล่าสุด 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้เสนอ 4 มาตรการต่อภาครัฐเพื่อพิจารณา หวังผลักดันให้ประชาชนสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระผู้ซื้อและกระตุ้นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา หากมาตรการนี้ได้รับการอนุมัติ คาดว่าจะสร้างแรงกระตุ้นต่อภาคอสังหาฯ ทันที
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอ ให้ผ่อนคลายมาตรการ LTV (Loan-to-Value) ชั่วคราวเป็นเวลา 2 ปี เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงมาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารของรัฐ เช่น ธอส. วงเงินรวม 1.2 แสนล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางสามารถมีบ้านได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 50% ในปี 2568 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ต้องติดตามกันต่อ
นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต รองเลขาธิการสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 เปิดเผยว่า นอกจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐแล้ว ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พร้อมสถาบันการเงินชั้นนำได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่ชะลอการตัดสินใจจากปีก่อนและผู้ที่กำลังรอโอน
“การที่ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีในการฟื้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับการลดดอกเบี้ยที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งเป็นตัวเร่งสำคัญให้กำลังซื้อกลับมา ผู้บริโภคจะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด ทั้งจากผู้พัฒนาโครงการและจากสถาบันการเงิน ทำให้งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ในปีนี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดตามเป้าที่ตั้งไว้ 4,000 ล้านบาท” นายดลพิวัฒน์ กล่าว
โดยปีนี้ผู้จัดงานชูเทรนด์แนวคิด “Sustainable Living For Better Life” เพื่อคุณ เพื่อโลก เพื่อความยั่งยืน โดยภายในงานรวบรวมโครงการบ้านและคอนโดจากทั่วประเทศกว่า 1,000 โครงการ ที่รองรับทุกดีมานด์ ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย รวมถึงบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำ ที่ร่วมกันจัดแพ็กเกจสินเชื่อพิเศษและอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉพาะในงานนี้เท่านั้น
นอกจากนี้ผู้จัดงานยังเตรียมของรางวัลและสิทธิพิเศษมากมาย สำหรับผู้ที่จองซื้อที่อยู่อาศัยภายในงาน มีสิทธิ์ลุ้นรับส่วนลดเงินสดและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 4 วันซึ่งผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย หรือต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ งานนี้ถือเป็นโอกาสดีต้นปี 2568 ที่ห้ามพลาด มาพบกับข้อเสนอสุดคุ้มได้ในระหว่างวันที่ 20 – 23 มีนาคม 2568 ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี