“พิชัย”ลุยแก้หนี้เสียต่ำกว่า 1 แสนบาท ส่วนจะมีการตัดขายหนี้หรือไม่ ขอเวลาพิจารณาก่อน พร้อมประสานเครดิตบูโรช่วยเหลือแบบครบวงจร คาดใช้เวลาพิจารณา 3-6 เดือน จะได้ใช้จริงใน 1 ปีต่อไปนี้
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ว่าจากการไปประชุมกับสมาคมธนาคารไทยนั้น สิ่งที่หารือ คือเรื่องขนาดของการปล่อยสินเชื่อใหม่ และทบทวนการแก้ปัญหาหนี้เดิม ให้ผ่อนคลายเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ โดยการปรับปรุงโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ปัจจุบันดำเนินอยู่ คาดว่าสุดท้ายน่าจะมีประชาชนกลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมโครงการ 50% ของผู้ที่มีสิทธิทั้งหมด โดยคนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วม คุณสู้ เราช่วย คือ คนที่เป็นหนี้แบบมีหลักทรัพย์ ค้ำประกัน อาทิ หนี้บ้าน
นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนที่ไม่ค่อยมาเข้าร่วมโครงการแก้หนี้ คือ ลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ฉะนั้นในขั้นต่อไปคือ การพิจารณาว่าจะปรับปรุงมาตรการแก้ไขหนี้สินให้เข้มข้นกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันหนี้ครัวเรือนที่ไม่นับรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์นั้นมีราว 13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9 ล้านบัญชี และนับเป็นประชาชน 5 ล้านราย ทั้งนี้ มีหนี้เสียอยู่ 1.22 ล้านล้านบาท และกลุ่มที่จะเข้าไปโฟกัสคือ ลูกหนี้ที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อราย ซึ่งมีจำนวน 35% ของกลุ่มหนี้เสีย
"ถ้าเราสามารเข้าไปช่วยกลุ่มมูลหนี้เสีย ที่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อคนได้ ก็เท่ากับปัญหาหนี้เสียหายไปจากระบบ 35% ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นมีมูลหนี้มูลค่าน้อยส่วนใหญ่ และเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน คือ หนี้บริโภคและหนี้บัตรเครดิต อย่างไรก็ดี ปัญหาตอนนี้คือ ให้ธนาคารโทรเรียกแล้วไม่ค่อยรับสาย ติดต่อไม่ได้ ดังนั้นมาตรการครั้งนี้จะเป็นการโฟกัสลงไปที่กลุ่มนี้จริงๆ และทำให้เห็นว่าสามารถช่วยปรับโครงสร้างหนี้ได้ และจ่ายเท่าที่เขามีกำลัง เพราะสิ่งที่อยากเห็นคือ ทำให้เขากลับมายืนได้"นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการประสานกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบบครบวงจร ให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้ และปัญหาติดเครดิตทางการเงินได้ ซึ่งมาตรการปรับโครงสร้าง ทั้งหมดนี้ คงใช้เวลาพิจารณา 3-6 เดือน และคาดว่าจะได้ใช้จริงใน 1 ปีต่อไปนี้
นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ว่าจะมีการตัดขายหนี้ หรือ แฮร์คัต ของกลุ่มมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อรายทั้งหมดเลยหรือไม่ ว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นว่าจะตัดขายหนี้ ทั้งนี้ ลองคิดดูว่า หนี้เสียทั้งหมดนี้ สถาบันการเงินต่าง ๆ ก็น่าจะตั้งสำรองครบ 100% แล้ว ขณะที่แนวคิดเรื่องการขายหนี้นั้น ก็จะเป็นการระดมกำลัง สถาบันการเงินมาทำงานร่วม ซึ่งอาจจะมีการซอยกลุ่มเพื่อให้ทำงานได้อย่างสอดคล้องกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี