บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 5.00 บาท จำนวนเสนอขาย 50 ล้านหุ้น เตรียมเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 25 - 27 มีนาคม 2568 คาดเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 2 เมษายน 2568 โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขยายธุรกิจเทคโนโลยีบริหารความมั่งคั่ง (WealthTech) ภายใต้ชื่อ “WealthX” เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของบริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH เปิดเผยว่า LTMH จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้
โดยกำหนดราคา IPO ที่ราคาหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงินที่บริษัทได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 250 ล้านบาท เปิดให้จองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 25-27 มีนาคม 2568 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ในวันที่ 2 เมษายน 2568 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "LTMH"
พร้อมกันนี้มีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับการกำหนดราคา IPO ดังกล่าว ถือเป็นระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน LTMH ถือเป็นธุรกิจสื่อออนไลน์ที่แข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับ และมีการเติบโตที่โดดเด่น Brand LTMH เริ่มต้นจากการสร้างเพจ Facebook ภายใต้ชื่อ “ลงทุนแมน” และต่อมาได้ขยายเพิ่มอีก 5 เพจ ประกอบด้วย ลงทุนเกิร์ล, MarketThink, Brandcase, Money Lab และ Mao-Investor ครอบคลุม เข้าถึง และตอบสนองกลุ่มลูกค้าและผู้ติดตามได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น จาก 4.87 ล้านคน ในปี 2564 เพิ่มเป็น 8.32 ล้านคน ณ สิ้นปี 2567 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 19.61% ในช่วงปี 2564 -2567 ทำให้ LTMH ถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ด้านการเงิน และการลงทุน ที่มีความน่าเชื่อถือ และมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นและการตัดสินใจของผู้ติดตามจำนวนมาก
นอกจากนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มครอบครัวคุณธณัฐ เตชะเลิศ และผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นอีก 4 ราย ยังได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมส่วนที่เหลือที่ไม่ติด Lock up จะมีจำนวนเพียง 4.03 ล้านหุ้น คิดเป็นเพียง 2.02% ของจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายหุ้นเท่านั้น
นายธณัฐ เตชะเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสร้างให้ LTMH เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการระดมทุนครั้งนี้ จำนวน 250 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขยายธุรกิจ WealthTech ภายใต้แบรนด์ "WealthX" ที่จะช่วยให้คนไทยสามารถยกระดับทางการเงิน การลงทุนได้มากขึ้นในอนาคต ในเบื้องต้นบริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ได้ภายในปี 2568
นอกจากนี้การระดมทุนยังมีวัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้ลงทุนในหุ้น บลจ.ทาลิส รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท และบริษัทย่อย ซึ่งเชื่อมั่นว่าสิ่งที่จะทำให้ LTMH ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจครั้งนี้มาจาก “จุดแข็งสำคัญ” ที่เรามีอยู่ทั้งชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง การมีสื่อออนไลน์และช่องทางการติดตามที่หลากหลาย รวมถึงการมีแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ที่เป็นของเราเอง และระบบ Ecosystem ที่เกื้อหนุนกันรวมถึงทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความสามารถและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน
“ในนามของ LTMH ผมขอขอบคุณบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ที่สนับสนุนและช่วยเหลือให้คำแนะนำในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และต้องขอขอบคุณผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายทั้ง 3 แห่งในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ LTMH รวมถึงนักลงทุนทุกๆท่านที่ให้ความสนใจการเสนอขายหุ้น IPO ของ LTMH ในครั้งนี้”นายธณัฐ กล่าว
ในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ระหว่างปี 2564 – 2567 รายได้รวมของบริษัท เท่ากับ 118.06 ล้านบาท 173.90 ล้านบาท 225.77 ล้านบาท และ 231.72 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ได้ถึง 25.20% รวมถึงในปี 2567 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 50.55% และมีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 15.23% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่สูง
ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ค่อนข้างสูง บวกกับต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบริษัท เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรากฐานขององค์กรที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านธุรกิจสื่อและแพลตฟอร์มสื่อ (ออนไลน์) และธุรกิจออฟไลน์นั้น เมื่อมาผนวกกับแผนการทางธุรกิจในอนาคตที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ WealthTech ที่มีโอกาสเติบโตอยู่ในระดับสูง ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถเดินหน้าสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตได้เป็นอย่างดี
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี