ll บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ (24-28 มี.ค. 2568)...โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนเนื่องจากตลาดจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางภายหลังจากอิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในฉนวนกาซา ขณะที่สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีกบฏฮูตีในบริเวณทะเลแดงขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเจรจาหารือระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย โดยล่าสุดยังคงมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ และรัสเซียได้ไกล่เกลี่ยให้มีการหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนเป็นระยะเวลา 30 วัน ขณะที่ด้านเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการที่จีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย สะท้อนอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น แม้ว่าในฝั่งของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม หลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวประกอบกับยังมีความเสี่ยงเรื่องความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์...ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 67-77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...
ll นับตั้งแต่มิถุนายน 2567 จนถึงวันนี้... “ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) ก็ยังไม่ได้รับการบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแต่อย่างใด...สาเหตุสำคัญมาจากกระทรวงพลังงานไม่สามารถกำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอย่างชัดเจนได้ในขณะนี้เนื่องจากยังติดปัญหากรณีที่ นายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเบรกโครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ออกไปก่อน เพื่อต้องการตรวจสอบความถูกต้องในการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 หรือ“โครงการผลิตไฟฟ้ากลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed- in Tariff (FiT) สำหรับปี พ.ศ. 2565-2573”...สำหรับไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 กำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 3,668.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นรอบรับซื้อไฟฟ้า 2,180 เมกะวัตต์ สำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว แต่ไม่ผ่านเข้าร่วมโครงการในเฟสแรก และส่วนรอบรับซื้อไฟฟ้าปกติที่เหลืออีก 1,488.5 เมกะวัตต์ ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าในส่วนนี้แต่อย่างใด...อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานจะพยายามให้แผน PDP ฉบับใหม่แล้วเสร็จให้ได้ภายในปี 2568 นี้ และแน่นอนว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อจากแผน PDP 2024 เป็นแผน PDP 2025 หรือ “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2568-2580” หากแผนดังกล่าวสามารถเปิดใช้ได้ภายในปี 2568 นี้…ปัจจุบันไทยยังคงต้องใช้แผนPDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ซึ่งครอบคลุมระหว่างปี 2561-2580 โดยสรุปในแผนนี้กำหนดให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 56,433.3เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าใหม่ 93 โครงการปลดระวาง 25,310.00 เมกะวัตต์ สัดส่วนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเฉพาะที่เปลี่ยนไปจากPDP 2018 คือ ถ่านหินและลิกไนต์ ลดลงเหลือ 11% และพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 21%...โดยสรุปร่างแผน PDP 2024 ได้พยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศช่วงปลายแผนในปี 2580 อยู่ที่ 56,133 เมกะวัตต์และได้วางแผนจัดหาไฟฟ้าใหม่อีก 77,407 เมกะวัตต์ (เดือน ธ.ค. 2566 มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา อยู่ที่ 53,868 เมกะวัตต์) และในระยะยาวจะมีกำลังผลิตที่หมดอายุและถูกปลดออกจากระบบ 18,884 เมกะวัตต์ ดังนั้นช่วงปลายแผนปี 2580 ประเทศไทยจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้น 112,391เมกะวัตต์...
ll บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)...แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. หรือ บอร์ด ปตท.ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 16,000 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 470 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็นไม่เกิน 1.65% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของ ตลท. (Automatic Order Matching : AOM)และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 23 กันยายน 2568...ในรายละเอียดที่ส่งมาพร้อมหนังสือแจ้งตลาดฯ ระบุเหตุผลในการซื้อหุ้นคืน 3 ข้อ คือ 1.เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ 2.เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และ 3.เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรของบริษัท...
ll ข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) พบว่าภาพรวมการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีคไฟฟ้า) จาก 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกฟผ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2568 ถึง ปัจจุบัน ได้เกิดพีคไฟฟ้าสูงสุดเฉพาะของปี 2568 ขึ้นในวันที่ 11 มี.ค. 2568เวลา 20.37 น. ที่ระดับ 32,882.3 เมกะวัตต์...โดยที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้คาดการณ์ว่าพีคไฟฟ้าในปี 2568 จะอยู่ใกล้เคียงกับปี 2567ที่เคยเกิดพีคสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่2 พ.ค. 2567 เวลา 22.24 น. ที่ระดับ 36,792.1เมกะวัตต์…อย่างไรก็ตามแม้ความต้องการไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าของไทย (จากระบบไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้า) ยังมีเพียงพอรองรับพีคไฟฟ้าได้ โดยในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทย พ.ศ. 2567-2580 (ร่าง PDP 2024) ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) แต่มีข้อมูลระบุว่าการผลิตไฟฟ้าของไทยในปี 2568 ยังใกล้เคียงกับปี 2567 ที่ประมาณ 55,947 เมกะวัตต์ โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567กระทรวงพลังงานระบุว่าไทยยังมีสำรองไฟฟ้าเหลืออยู่ 25.5%...ย้อนกลับไปในปี 2567จะพบว่าตลอดปี 2567 ได้เกิดพีคไฟฟ้าขึ้นถึง11 ครั้ง เนื่องจากประเทศไทยยังอยู่ในปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมทั่วประเทศโดยบางพื้นที่อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 44 องศาเซลเซียส โดยในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2567 ได้เกิดพีคไฟฟ้าทำลายสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปถึง 4 ครั้ง โดยไปจบที่สถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ วันที่ 2 พ.ค. 2567 เวลา02.24 น. ที่ระดับ 36,792.1 เมกะวัตต์... ll
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี