30 มี.ค. 2568 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ คาดผลกระทบแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจไตรมาสสองรุนแรง โดยเบื้องต้นประเมินว่า อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสสองขยายตัวติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายได้สูงเกือบ 4%
ซึ่งแม้เหตุการณ์แผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนสะกายบริเวณใจกลางประเทศเมียนมาจะเกิดขึ้นปลายไตรมาสแรก แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนต้นไตรมาสสอง After Shocks ที่ยังไม่สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ สร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการชะงักงันและชะลอตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจจำนวนหนึ่ง เกิดความไม่มั่นใจต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานและอาคารสูง เช่น เขื่อน ทางยกระดับ สะพาน อาคารสูงในกรุงเทพและปริมณฑล เป็นต้น เกิดภาระและต้นทุนในการตรวจสอบว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้สามารถรับมือแผ่นดินไหวได้หรือไม่
“ภาวะดังกล่าวส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆ อยู่ระยะหนึ่งก็จะคืนสู่ภาวะปรกติ มีผลต่อภาคการท่องเที่ยวโดยตรง การชะลอตัวของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม คอนโดมิเนียมและอาคารสูงที่มีมาตรฐานการก่อสร้างไม่ดีหรือมีความสงสัยในมาตรฐานนักจะขายออกได้ยากมาก และ จะมีคนจำนวนไม่น้อยทยอยขายคอนโดฯ อาคารสูง พาเหรดขายคอนโดฯ มีแนวโน้มกดให้ราคาคอนโดฯ ต่ำลงอย่างมากในช่วงนี้ และคนจะหันมาซื้อบ้านแนวราบมากขึ้น” รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว
รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ความไม่มั่นใจทั้งหลายที่กล่าวมาทั้งหมดที่มีผลต่อเศรษฐกิจ การลงทุน ความปลอดภัยในชีวิต ต่อทรัพย์สิน อาจเป็นผลกระทบระยะยาวหากเราไม่สามารถสร้างมาตรฐานในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เหล่านี้ได้ดีพอ การประกาศรับรองว่าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งหลายได้มาตรฐานไม่อาจช่วยอะไรได้หากไม่มีการดำเนินการที่เป็นจริงในเรื่องมาตรฐานในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ทั้งแผ่นดินไหว อัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นในอาคารสูง รวมทั้งเมื่อมีมาตรฐานแล้วต้องกำกับและบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วย
ปัญหาเรื่องกรุงเทพฯ กำลังจะจมลงจากแผ่นดินทรุดลงและระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเริ่มวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังได้แล้ว งานวิจัยของกรีนพีซเตือนว่าในอีก 7-8 ปี กรุงเทพฯ อาจจมทะเล สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจสังคมรุนแรงหากไม่ทำอะไรเพื่อป้องกันตั้งแต่ตอนนี้อย่างจริงจัง เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ งานวิจัยของธนาคารโลกชี้ด้วยว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อนที่ไม่มีการแก้ไขสูงถึง 20% ของจีดีพีโลก และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
ความเสียหายลดลงได้หากทุกประเทศร่วมมือกันในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดกิจกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสร้างมลพิษทางอากาศ หากพื้นที่มากกว่า 80% ของกรุงเทพฯ จมทะเล งานวิจัยกรีซพีซประเมินสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอยู่ที่ 18.6 ล้านล้านบาท กระทบประชาชนกว่า 10.45 ล้านคน ขณะที่ปัญหาผลกระทบต่อเนื่องจากแผ่นดินไหวมีโอกาสลุกลามหากไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่า อาคารสูงในกรุงเทพฯ มีความปลอดภัยสำหรับทำงาน ท่องเที่ยว และการพักอาศัย
ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่เหมาะที่จะสร้างอาคารสูงมากๆ อยู่แล้ว เนื่องจากพื้นดินเป็นดินอ่อน เป็นดินตะกอนทรุดตัวง่าย มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า ชั้นดินอ่อนที่สะสมตัวอยู่ใต้กรุงเทพนั้นมีโอกาสขยายแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้สูงสุดถึง 3 เท่าจากระดับปรกติ กรณีคลื่นแผ่นดินไหวมาจากทางไกล (รอยเลื่อนสะกาย) ทำให้เกิดคลื่นคาบยาว (Long-period Seismic Wave) กระทบต่ออาคารสูงได้มาก นอกจากนี้ ควรเฝ้าระวังรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ด้วย
“ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศต้องกระจายความเป็นศูนย์กลางและความเจริญออกจากกรุงเทพฯ ลดการขยายตัวของกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมสร้างระบบป้องกันภัยพิบัติต่างๆ ให้กับกรุงเทพฯ โดยรวม มีระบบเตือนภัย ระบบเตรียมความพร้อมที่ดีกว่านี้ให้กับผู้ที่อยู่อาศัยบนอาคารสูง ขณะเดียวกันต้องป้องกันผลกระทบจากเขื่อนแตกหากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอีก อีกเรื่องหนึ่ง คือ การออกแบบและวางแผนเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหวของระบบโรงพยาบาลโดยเฉพาะห้องผ่าตัดฉุกเฉินว่าทำอย่างไรให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ หรือ อาจต้องให้ห้องผ่าตัดฉุกเฉินเหล่านี้อยู่ในอาคารโซนต่ำ” รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุ
รศ.ดร.อนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ปัญหามาตรฐานอาคารสูงในกรุงเทพฯ และความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าปรกติ เผยโฉมทุจริตคอร์รัปชันหยั่งรากลึกในสังคมไทย สะท้อนวัสดุใช้ในการก่อสร้างต่ำกว่ามาตรฐานและไม่เตรียมการรับมือสำหรับแผ่นดินไหว แผ่นดินไหวเขย่าให้เห็นถึงปัญหาคอร์รัปชันและความอ่อนแอของระบบรับมือกับภัยพิบัติขนาดใหญ่ในไทยให้ทุกคนตระหนัก การรณรงค์สร้างวัฒนธรรมแห่งความมีระเบียบวินัยเมื่อเกิดสถานการณ์ตื่นตระหนกและทุกคนต้องหนีเพื่อเอาตัวรอด
การสร้างค่านิยมเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะมากกว่าประโยชน์ส่วนตน เป็นสิ่งสำคัญต่อสังคมไทย กรณีอาคารของ สตง. ที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมา และมีเพียงตึกเดียวที่ถล่มลงมา ต้องมีการสอบสวนให้ชัดเจนว่าเกิดอะไร สตง. เองเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับการตรวจสอบงบการเงินของภาครัฐ จะต้องมีความโปร่งใสสูงสุดในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ หากมีความสงสัยเรื่องความโปร่งใส ก็ยากจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่องบการเงินของหน่วยงานต่างๆที่ สตง. ไปตรวจ ความน่าเชื่อถือการใช้งบประมาณภาครัฐและงบการเงินหน่วยราชการก็จะลดลง ไม่เป็นผลดีต่อประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม
สำหรับแรงงานก่อสร้างที่เสียชีวิตและสูญหายในเหตุการณ์อาคาร สตง ถล่ม นั้น ต้องเร่งค้นหาผู้สูญหายโดยเร็ว เกิน 2-3 วัน ผู้สูญหายมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก การเยียวยาแรงงานและลูกจ้างที่ได้รับอันตรายอันเกี่ยวเนื่องเกี่ยวกับการทำงาน ประเทศไทยมีระบบกองทุนเงินทดแทนช่วยดูแลอยู่ และกองทุนมีฐานะความมั่นคงทางการเงินในการดูแล ผลกระทบจากภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้
โดยแรงงานหรือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบอันตรายหรือสูญหายจากแผ่นดินไหวเนื่องจากการทำงาน กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สามารถดูแลตามเงื่อนไขของกฎหมายตามนี้ 1.รักษาพยาบาล ตามความจำเป็นไม่เกิน 65,000 บาท กรณี โรงพยาบาลรัฐจ่ายตามความจำเป็นจนสิ้นสุดการรักษา กรณีโรงพยาบาลเอกชนสูงสุดไม่เกิน หนึ่งล้านบาท 2.หยุดงานจ่ายร้อยละ 70 ของค้าจ้าง (สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาท) ตั้งแต่วันแรกไม่เกิน 1 ปี
3.สูญเสียอวัยวะได้รับร้อยละ 70 สูงสุดไม่เกิน 10 ปี 4.ทุพพลภาพ ได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ตลอดชีวิต 5.ตายหรือสูญหาย ค่าทำศพ 50,000 บาท และผู้มีสิทธิได้รับร้อยละ 70 ของค่าจ้างระยะเวลา 10 ปี และได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ กองทุนประกันสังคม 6.ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานภายหลังการประสบอันตรายสำหรับลูกจ้างที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข
นอกจากนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 ที่ประสบอันตรายหรือได้รับผลกระทบสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ กรณีเจ็บป่วย กรณีเสียชีวิต กรณีทุพลภาพ (เงินทดแทนการขาดรายได้) กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย (เฉพาะมาตรา 33 ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน 180 วัน) ส่วน มาตรา 40 ที่ประสบอันตรายหรือได้รับผลกระทบจะมีสิทธิประโยชน์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพและเสียชีวิต
การเสริมสร้างความมั่นคงต่อระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่องมีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของคนทำงานทุกคนภายใต้โลกที่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติมากขึ้น จึงต้องมีระบบและกลไกรองรับผู้คนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปได้ ลดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต บรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การสูญเสียทางเศรษฐกิจเกิดจากการลดลงของรายได้ ความเสียหายทางทรัพย์สิน ความเสียหายทางด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต จากการชะลอตัวลงของการท่องเที่ยวและการเดินทาง
“การที่ประชาชนมีชีวิตปลอดภัยจากภัยพิบัติและอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นสิทธิพื้นฐานที่สุดของประชาชนชาวไทยที่ต้องได้รับการดูแล และการคอร์รัปชันที่เลวร้ายที่สุดคือการคอร์รัปชันกับสิ่งที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของผู้คนโดยตรง” รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี