รมว.พาณิชย์ สั่งการ ทีมพาณิชย์ผสานความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ บจ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) สร้างความกระจ่างให้สังคมว่าเป็นธุรกิจนอมินีหรือไม่ เบื้องต้น ลงพื้นที่ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ย่านทุ่งครุปรากฎสำนักงานปิดเงียบไม่มีเจ้าที่ในสำนักงาน เมื่อโทรเข้าหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ พบว่า ไม่มีบุคคลรับสายและไม่มีสัญญาณตอบรับ สเตปต่อไปคณะทำงานฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเข้มงวดและเคร่งครัดเพื่อเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับทราบ พร้อมกำชับต้องทำงานอย่างรอบคอบ และหากเป็นธุรกิจนอมินีจริง...ต้องนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษขั้นสูงสุด
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบให้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น โดยพบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นคู่สัญญาในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นคนไทย 51% และคนจีน 49% มีข้อสงสัยว่าจะเป็นธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) หรือไม่ จึงได้สั่งการให้ ‘คณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย’ ที่มีร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะทำงาน เร่งลงพื้นที่และตรวจสอบเรื่องธุรกิจนอมินี
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้รับรายงานจากร้อยตรีจักราว่า ในวันนี้ (วันที่ 31 มีนาคม 2568) ได้ลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ณ ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ปรากฏว่า สำนักงานปิดเงียบ ไม่มีเจ้าที่ในสำนักงาน และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ คณะทำงานฯ จะนัดประชุมหารือทั้งคณะในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 1 เมษายน 2568) เพื่อเร่งขยายผลติดตามเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ได้มอบให้คณะทำงานฯ เร่งดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเข้มงวดเคร่งครัดและรัดกุม หากเป็นธุรกิจนอมินีก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษขั้นสูงสุด คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน คือ ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย และ วัตถุประสงค์ที่มาจากงบการเงินปีล่าสุด (2567) คือ เกี่ยวกับการบริการด้านการทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้างอาคาร อาคารพาณิชย์ อาคารที่พักอาศัย สถานที่ทำการ ทางรถไฟ ทางรถสาธารณะ ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน กรรมการมีจำนวน 2 ราย คือ 1.นายชวนหลิง จาง และ 2.นายโสภณ มีชัย ขณะที่มีผู้ถือหุ้น แบ่งเป็น จีน 49% และ ไทย 51%
นอกจากนี้ คณะทำงานฯ จะขยายผลการตรวจสอบนิติบุคคลอื่นซึ่งมีที่ตั้งเดียวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัดรวมทั้งนิติบุคคลอื่นซึ่งมีกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าไปเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นอยู่ด้วยรวมอีก 13 ราย ต่อไปด้วย
“นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญและได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว เนื่องจากกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าการดำเนินงานครั้งนี้จะเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องและเข้มข้น หวังให้สามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในระยะยาว” รมว.พณ.พิชัย กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี