นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศที่มีหน้าที่ในการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 จำนวน 835,011 ราย ซึ่งเป็นนิติบุคคลคงอยู่ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯและมีหน้าที่ในการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 จำนวน 306,421 ราย พบว่า มีนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด) ไม่นำส่งงบการเงิน ภายในเดือนพฤษภาคม 2567 จำนวน 41,535 ราย คิดเป็น 13.55% ของนิติบุคคลคงอยู่ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ จึงได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองข้อมูลธุรกิจในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยพ.ศ.2565 ออกหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังนิติบุคคลดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้เมื่อนิติบุคคลได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา กรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการของนิติบุคคล มีสิทธิ์ดำเนินการ 3 กรณี คือ 1.กรณียอมรับข้อกล่าวหาและต้องการชำระค่าปรับเป็นพินัยเพื่อให้คดียุติ สามารถทำหนังสือรับสารภาพ โดยลงนามตามอำนาจและประทับตรา (ถ้ามี) และนำไปยื่นที่งานงบการเงินและข้อมูลธุรกิจชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
2.กรณียอมรับข้อกล่าวหา แต่ไม่สะดวกในการทำหนังสือรับสารภาพ สามารถรอรับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีหนังสือแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระค่าปรับ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน นับจากได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาฉบับแรกแล้ว เมื่อได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย สามารถไปชำระค่าปรับได้ที่ งานงบการเงินและข้อมูลธุรกิจ ชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-6 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
3.กรณีต้องการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ให้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลโดยลงนามตามอำนาจและประทับตรา (ถ้ามี) พร้อมแนบเอกสารประกอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาว่า
คำชี้แจงหรือคำแก้ข้อกล่าวหาประกอบข้อเท็จจริงฟังขึ้นหรือไม่ และหากเจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะมีหนังสือแจ้งคำสั่งปรับเป็นพินัย สำหรับกรณีที่ไม่ได้ความว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะสั่งยุติเรื่องและมีหนังสือแจ้งกลับไปยังนิติบุคคลอีกครั้ง ทั้งนี้ทั้ง 3 กรณีสามารถมอบให้บุคคลอื่นมายื่นเอกสารแทนได้
“เมื่อนิติบุคคลได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย และได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว คดีจึงจะยุติ แต่หากได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัยแล้วแต่ไม่ชำระค่าปรับ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 กรมจะรวบรวมสรุปข้อเท็จจริงเพื่อส่งให้อัยการดำเนินการฟ้องศาลต่อไป”นางอรมน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี