ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะจับตาจังหวัดเมืองรอง พื้นที่ศักยภาพธุรกิจค้าปลีก ช่วงที่ผ่านมา ยอดขายภาคค้าปลีกของไทยเริ่มมีสัญญาณการเติบโตชะลอลง สะท้อนจากในช่วงปี 2567-2568 ที่โตเฉลี่ย 3.4% เทียบกับในช่วงปี 2565-2566 ที่โต 5.9% มาจากหลายปัจจัยกดดัน ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการที่ธุรกิจต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มค้าปลีกต่างชาติอย่าง E-Commerce ส่งผลให้ธุรกิจเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างยอดขาย
แม้การเติบโตของภาคค้าปลีกไทยมีแนวโน้มชะลอลง แต่ผู้ประกอบการยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเกิดจาก 3 เหตุผลหลัก ได้แก่1. การขยายตัวของความเป็นเมือง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2. ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังคงเติบโตและนักท่องเที่ยวเริ่มสนใจเมืองรอง 3. การรุกพื้นที่ศักยภาพให้ครอบคลุมฐานลูกค้า เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดก่อนที่คู่แข่งจะเข้ามาขยายการลงทุน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่านอกเหนือจากจังหวัดหัวเมืองหลัก ที่ผู้ประกอบการมีแผนขยายสาขาในบาง Segment เช่น ร้านค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ยังมีหลายจังหวัดหัวเมืองรองเป็นพื้นที่ศักยภาพในการขยายการลงทุนของธุรกิจค้าปลีก โดยมีปัจจัยสำคัญที่นำมาพิจารณา ดังนี้
1) จังหวัดที่มีความหนาแน่นของร้านค้าปลีกต่อประชากรที่ยังน้อย โดยยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 7 ร้านต่อประชากร 1 พันคนสะท้อนถึงการแข่งขันที่ยังไม่รุนแรง เป็นโอกาสขยายสาขาเพิ่ม
2) จังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวสูงและสัดส่วนการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกขยายตัวดี
โดยรายได้ประชากรต่อหัวมากกว่า 120,000 บาทต่อปี รวมถึงสัดส่วนการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 4% (CAGR ปี 2555-2565) ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนกำลังซื้อของธุรกิจ
3) จังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่อปีสูง เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนต่อปี ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้า และร้านค้าสะดวกซื้อ
4) จังหวัดที่มีประชากรวัยแรงงานในพื้นที่สูง หรือมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 64% สะท้อนถึงกลุ่มคนที่มีรายได้เพื่อใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
5) จังหวัดที่ได้รับประโยชน์จากแผนการลงทุนโครงการก่อสร้างภาครัฐ เช่น โครงการ Motorways โครงการรถไฟทางคู่ และการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ซึ่งทำให้เกิดกิจกรรมการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงาน ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในจังหวัด
เมื่อพิจารณาทั้ง 5 ปัจจัยข้างต้นพบว่า นอกจากจังหวัดเมืองหลัก เช่น ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี และระยอง ที่น่าสนใจในการขยายการลงทุนแล้ว ยังมีหลายจังหวัดเมืองรองเป็นพื้นที่ศักยภาพของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีปัจจัยแตกต่างกันไปได้แก่จังหวัดที่มี 5 ปัจจัย 2 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี และชุมพร จังหวัดที่มี 4 ปัจจัย 6 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ หนองคาย อุดรธานี บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และนครศรีธรรมราช จังหวัดที่มี 3 ปัจจัย 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก เลย นครพนม อุบลราชธานี นครนายก จันทบุรี ตราด สุพรรณบุรี ราชบุรี และสตูล
ภาพดังกล่าวสอดคล้องไปกับแผนธุรกิจของผู้ประกอบการค้าปลีกบางรายที่มีแผนขยายสาขาไปสู่จังหวัดเมืองหลักและเมืองรองบ้างแล้ว เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ และนครสวรรค์ รวมถึงปรับปรุงสาขา เช่นปรับโฉมพื้นที่โซนต่างๆและการเลือกร้านค้าแบรนด์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อย่างไรก็ดีการพิจารณาพื้นที่ศักยภาพอาจเป็นเพียงการชี้ให้เห็นโอกาส แต่ยังไม่สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรเพราะต้องดูปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่นต้นทุนการทำธุรกิจในทำเลต่างๆ รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละพื้นที่
จำนวนสาขาร้านค้าปลีกในปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 30,000 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งในปี 2568 ผู้ประกอบการมีแผนขยายการลงทุน โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ/ซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มไม่ต่ำกว่า 700 สาขา ชะลอลงเมื่อเทียบกับอดีตที่ขยายมากกว่า 1,000 สาขาต่อปี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าธุรกิจค้าปลีกยังมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้ประกอบการต้องมีความคล่องตัวสูง ภาวะเศรษฐกิจ/กำลังซื้อ สภาพการแข่งขัน รวมถึงเทรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะสุขภาพ สังคมสูงวัย สิ่งแวดล้อม ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ซึ่งจะมีผลต่อการขยายการลงทุนแต่ละพื้นที่ ทั้งขนาดและรูปแบบร้านค้า เพื่อตอบโจทย์คนในพื้นที่นั้นๆ ได้ตรงจุดมากขึ้น
นอกจากนี้อาจพิจารณาเพิ่มบริการด้านอื่นเช่นในญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุหรือสัตว์เลี้ยง บริการทางการเงิน รับ-ส่งพัสดุ จุดรับฝากของสำหรับนักท่องเที่ยว Backpackers ร่วมกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าทุกช่วงวัย และแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี