“PROSPECT REIT” เตรียมลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 มูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยผ่านระบบออนไลน์ทางเฟซบุ๊คเพจ Prospect REIT Management และ เฟซบุ๊คเพจ Wealthy Thai ในวันที่ 23 เมษายน 2568

โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR เพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม และประกาศจ่ายปันผลในอัตรา 0.3050 บาทต่อหน่วย กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend) เพื่อแจ้งไม่ได้รับสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 28 เมษายน 2568

นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT อยู่ระหว่างเตรียมเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในทรัพย์สินใหม่ โดยจะลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้า โรงงานสำเร็จรูป และอาคาร Built-to-Suit ใน 3 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 221,678 ตารางเมตร เป็นโครงการเดียวกันกับที่กองทรัสต์ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ PROSPECT REIT จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 514,010 ตารางเมตร และประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 10.5%

การลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว ประกอบด้วย

1. โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 ถนนบางนา-ตราด กม.23 จะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน และสิทธิการเช่าอาคาร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 158,315 ตารางเมตร ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 96.9%

2. โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 ถนนเทพารักษ์ จะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 26 ปี และลงทุนในกรรมสิทธิ์อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 12,481 ตารางเมตร ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568  มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 96.9%

3.โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 จะลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารของโครงการ มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 50,882 ตารางเมตร ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 100.0%

โดยทรัพย์สินใหม่ที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ ตั้งอยู่ในทำเลย่านศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศ ใกล้ ท่าเรือกรุงเทพฯ ท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ขณะเดียวกัน โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 และบางกอกฟรีเทรดโซน 3 มีพื้นที่บางส่วนเป็นเขตปลอดอากร หรือ Free Zone ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

นอกจากนี้อาคารคลังสินค้า โรงงานสำเร็จรูป และอาคาร Built-to-Suit มีคุณภาพสูงรองรับความต้องการของผู้เช่าได้หลากหลาย รวมถึงมีพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามามากกว่า 15 ปี

ส่วนกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการภาษีใหม่กับหลายประเทศทั่วโลกที่เกินดุลการค้ารวมถึงไทยนั้น ปัจจุบัน PROSPECT REIT ยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีดังกล่าว เนื่องจากผู้เช่าที่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักนั้นมีจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับจำนวนพื้นที่เช่าทั้งหมดของกองทรัสต์ ผู้เช่ายังมีการดำเนินกิจการตามปกติ และผู้เช่าส่วนใหญ่ประเมินว่ามาตรการภาษีดังกล่าว อาจสร้างผลกระทบในระยะสั้น ต้องปรับตัวมองหาตลาดอื่นควบคู่กัน

อีกทั้งยังไม่มีแผนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น เนื่องจากหลายประเทศในอาเซียนก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีครั้งนี้ด้วย ขณะเดียวกันการย้ายฐานการผลิตยังต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูง สำหรับอัตราการต่อสัญญาเช่าในไตรมาสแรกของปีสูงถึง 100% และอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน

PROSPECT REIT จะมีการจ่ายเงินปันผลรวม จากผลการดำเนินงาน วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2568 และประมาณการประโยชน์ตอบแทนระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์รายเดิมก่อนการเพิ่มทุน ในอัตรา 0.3050 บาทต่อหน่วย ขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend) เพื่อแจ้งไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล วันที่ 28 เมษายน 2568

นายคมกฤต รักษากุลเกียรติ หัวหน้าวาณิชธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ปัจจุบัน PROSPECT REIT อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม ล่าสุด จะจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อย ในวันที่ 23 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.30 – 12.00 น. โดยผู้ที่สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ที่เฟซบุ๊คเพจ Prospect REIT Management และ Wealthy Thai นอกจากนี้ได้กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR (Exclude Right) ในวันที่ 28 เมษายน 2568 เพื่อกำหนดสิทธิผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม

ทั้งนี้การลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ มีมูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 310 ล้านหน่วย และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินไม่เกิน 1,450 ล้านบาท โดยหลังจากได้รับการอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (แบบ Filing) มีผลใช้บังคับจากสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว จะแจ้งราคาเสนอขายสูงสุดหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนและรายละเอียดการจองซื้อให้ทราบต่อไป

-033