นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภาคบริการเป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางการค้าโลก โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2567 การค้าภาคบริการระหว่างประเทศของโลกมีอัตราขยายตัวถึง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การค้าสินค้าระหว่างประเทศของโลกที่เติบโต
เพียง 2% ในช่วงเวลาเดียวกัน และภาคบริการก็มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจไทย โดยในปี 2567 มีมูลค่า 11.44 ล้านล้านบาท หรือ 61.57%ของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.60% และในปี 2566 สร้างการจ้างงานกว่า 5.85ล้านตำแหน่ง หรือ 48% ของแรงงานทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.79%
จากรายงานดัชนีข้อจำกัดทางการค้าภาคบริการ (Service Trade
Restrictiveness Index : STRI) จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ( OECD) ในปี 2567 ค่าดัชนี STRI ของไทยอยู่ที่ 0.37 เท่ากับปี 2565 และ 2566 โดยเป็นอันดับที่ 48 จาก 51 ประเทศ เท่ากับอันดับของปีก่อนและสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD ที่ 0.19 สะท้อนว่าไทยมีข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการค้าภาคบริการในระดับที่สูง แต่น้อยกว่าบางประเทศในอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย (อันดับที่ 49) และฟิลิปปินส์ (อันดับที่ 51)โดยสาขาบริการที่ไทยมี STRI ต่ำที่สุดหรือมีข้อจำกัดที่ไม่มาก อาทิ การกระจายเสียง การขนส่งทางอากาศ ภาพยนตร์และการบันทึกเสียง
STRI มีการประเมินใน 5 ด้าน ได้แก่ ข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาด ข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายบุคคล มาตรการกีดกันอื่น ๆ อุปสรรคต่อการแข่งขัน และความโปร่งใสของการกำกับดูแล สำหรับค่าดัชนีที่วัดได้จะอยู่ระหว่าง 0 - 1 โดยระดับ 0 คือไม่มีข้อจำกัดเลย และ 1 คือมีข้อจำกัดเต็มที่
สำหรับด้านที่ไทยมีข้อจำกัดน้อยที่สุดจากทั้ง 5 ด้าน คือ มาตรการกีดกันอื่น ๆ ซึ่งมีข้อจำกัดแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาภาคบริการ ครอบคลุมประเด็น เช่น การได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันในด้านภาษี ข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินอุดหนุนเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการในประเทศ
รายงาน STRI ของ OECD ระบุว่า แม้ว่าในปี 2567 ภาคบริการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมีมูลค่าการส่งออกภาคบริการจากประเทศสมาชิก OECD กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแต่อุปสรรคทางการค้าภาคบริการของโลกยังคงอยู่ในระดับสูงและในบางประเทศยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยโดยมีปัจจัยมาจากความคืบหน้าในการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการค้าภาคบริการของโลกลดลงและในแต่ละประเทศยังมีข้อจำกัด/มาตรการด้านการค้าออนไลน์จำนวนมากและแตกต่างกันไป
ทั้งนี้ ในปี 2566 ประเทศสมาชิก OECD ที่มีการส่งออกภาคบริการสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเยอรมนี และประเทศที่มีค่าดัชนี STRI ต่ำที่สุด 3 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ โดยสาขาบริการที่มีการเปิดเป็นเสรีมากขึ้นกว่าช่วงปี 2565-2566 คือ สาขาบริการไปรษณีย์และขนส่ง และสาขาบริการด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการทยอยยกเลิกการผูกขาดในธุรกิจไปรษณีย์ รวมถึงการยอมรับใบอนุญาตวิชาชีพบางสาขาโดยเฉพาะด้านกฎหมายเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลของ OECD ชี้ว่าการลดอุปสรรคด้านการค้าภาคบริการจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานและนวัตกรรม รวมถึงลดต้นทุนทางการค้าได้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ประเทศที่มีการปฏิรูปมากที่สุดช่วงปี 2566-2567 คือ โปรตุเกส กรีซ และอินเดียอาทิโปรตุเกส ในปี 2567 ดัชนี STRI ของโปรตุเกส คือ 0.15 ลดลง 0.02 จากค่าของปีก่อน ทำให้มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 13 ในปี 2566 เป็นอันดับที่ 7 ในปี 2567 โปรตุเกสได้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพหลายฉบับ โดยยกเลิกข้อจำกัดด้านสัญชาติสำหรับการประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง บริการด้านกฎหมาย และบริการด้านบัญชี ยกเลิกข้อกำหนดบางประการในการขอใบอนุญาตเพื่อปฏิบัติงานในท้องถิ่น และยกเลิกความจำเป็นที่ชาวต่างชาติต้องเรียนซ้ำในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตในโปรตุเกส นอกจากนี้ ได้ยกเลิกข้อจำกัดที่ห้ามทนายความและสำนักงานกฎหมายทำการโฆษณาและอนุญาตให้มีการรวมกลุ่มทางการค้าระหว่างทนายความและผู้ประกอบวิชาชีพอื่นๆ ได้
กรีซ ในปี 2567 ดัชนี STRI ของกรีซ คือ 0.23 ลดลง 0.02 จากค่าของปีก่อน ทำให้มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 42 ในปี 2566 เป็นอันดับที่ 40 ในปี 2567 กรีซบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองฉบับใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาการพำนักสูงสุดสำหรับผู้ให้บริการชาวต่างชาติจาก 24 เป็น 36 เดือนจากการได้รับใบอนุญาตเข้าประเทศครั้งแรก
อินเดีย ดัชนี STRI ของอินเดีย คือ 0.29 ลดลง 0.003 จากค่าของปีก่อน ทำให้มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 43 ในปี 2566 เป็นอันดับที่ 40 ในปี 2567 อินเดียได้เพิกถอนสิทธิผูกขาดการให้บริการไปรษณีย์ของรัฐโดยอนุญาตให้เอกชนร่วมดำเนินธุรกิจจัดส่งจดหมายได้ นอกจากนี้ ได้ยกเลิกการเก็บภาษีที่เรียกเก็บจากการให้บริการดิจิทัลบางประเภทจากบริษัทที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในอินเดีย
ผอ.สนค. กล่าวว่า ไทยสามารถถอดบทเรียน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคบริการและลดอุปสรรคทางการค้า เช่น ผ่อนปรนกฎระเบียบภาคบริการ โดยอาจมีการทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดด้านสัญชาติและผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติและใบอนุญาตวิชาชีพในบางสาขา โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน อุตสาหกรรมที่ไทยขาดแคลนแรงงาน และสาขาที่ต้องการการถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนและการแข่งขันในภาคบริการเพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคบริการที่มีศักยภาพ และลดการผูกขาดทางการค้า
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี