** สถานการณ์ปัจจุบันของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายครั้งสำคัญ ธุรกิจหลักภายในประเทศกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดต่างประเทศกลับกลายเป็นความหวังใหม่ที่สดใส ท่ามกลางบริบทนี้ การพิจารณาปรับโครงสร้างภาษียาสูบไปสู่ระบบอัตราเดียวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของ ยสท. ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
ข้อมูลล่าสุดจากเอกสารงบประมาณประจำปี 2567 ของ ยสท. แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแนวโน้มที่น่ากังวล รายได้จากธุรกิจหลักของ ยสท. ปรับตัวลดลงถึง 11% จาก 4 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 3.6 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากยอดขายบุหรี่ภายในประเทศที่ลดลงถึง 12% สวนทางกับการส่งออกบุหรี่ไปยังตลาดต่างประเทศที่ทำรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 3 เท่าตัว แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยการหดตัวของตลาดในประเทศได้อย่างเต็มที่
ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายนี้ ยสท. ยังคงสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นถึง 516 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตลาดส่งออก ตามด้วยการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่นๆ เช่น รายได้จากการบริหารงานโรงพยาบาลสวนเบญจกิติฯ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่ารายได้หลักจะลดลง แต่การบริหารจัดการที่ดีก็ช่วยให้ ยสท. ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ แต่การพึ่งพาการเติบโตของการส่งออก "สินค้าดิวตี้ฟรี" เพียงอย่างเดียว ก็อาจไม่เพียงพอที่ช่วยพยุงสถานการณ์ทางการเงินขององค์กรและสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น
การเพิ่มขึ้นของผลกำไรในปีงบประมาณ 2567 นี้ยังไม่ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อกิจการของรัฐวิสาหกิจยาสูบ เนื่องจากหากไม่มีธุรกิจอื่นๆ มาช่วยพยุง รายได้หลักขององค์กรก็จะมาจากการส่งออกบุหรี่ไปขายในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว จึงเป็นที่มาของข้อเสนอโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เพื่อให้มีการสร้างพื้นที่ให้กับบุหรี่ราคาประหยัดพิเศษ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับ ยสท. เพราะ ยสท. ก็ทราบดีว่า หากไม่มีตัวช่วยจากภายนอก บทบาทของ ยสท. ในตลาดบุหรี่ถูกกฎหมายในประเทศไทยจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากเนื่องจากการเข้ามาของบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งการเติบโตของบุหรี่นำเข้า
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างภาษียาสูบแบบขั้นบันได 2 อัตราที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบรายได้ของบุหรี่ภายในประเทศ เนื่องจากระบบนี้เอื้อประโยชน์ให้ผู้ผลิตสามารถจำหน่ายบุหรี่ราคาถูกได้ง่ายกว่า ทำให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันที่บุหรี่ระดับล่างราคาถูกเป็นหลัก เพื่อเน้นปริมาณการขายและมีความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบได้ในราคาที่ไม่สูงนัก ซึ่งขัดต่อเป้าหมายหลักของการเก็บภาษียาสูบ นั่นคือการลดจำนวนผู้บริโภคยาสูบและส่งเสริมสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ โครงสร้างภาษีแบบขั้นบันไดที่มีความซับซ้อน ยังก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในการวางแผนธุรกิจของผู้ประกอบการ และนำไปสู่ปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษีที่สูงกว่าอีกด้วย
การเปลี่ยนไปใช้โครงสร้างภาษียาสูบอัตราเดียว จึงเป็นทางรอดของธุรกิจยาสูบและการพยุงรายได้ของรัฐ เนื่องจากอัตราภาษีเดียวทำให้จัดเก็บภาษีชัดเจน คาดการณ์ได้ง่าย สามารถสร้างรายได้มั่นคงเพื่อพัฒนาประเทศ และสนับสนุนระบบสาธารณสุข ส่วนการการสร้างบุหรี่กลุ่มราคาประหยัดพิเศษ จะไม่ทำให้สถานการณ์การจัดเก็บภาษีของสรรพสามิตดีขึ้นเพราะผู้บริโภคจะหันไปบริโภคบุหรี่กลุ่มราคาประหยัดพิเศษซึ่งจะยิ่งเสียภาษีน้อยลง และคงไม่อาจเก็บภาษีได้ในระดับเดียวกับก่อนปรับโครงสร้างภาษีปี 2560 ที่เคยได้ราว 6.8 หมื่นล้านบาทได้อีก เพราะการจัดเก็บภาษีจากยาสูบมีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 5.1 หมื่นล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 และในปี 2568 นี้ กรมสรรพสามิตลดเป้าการจัดเก็บภาษียาสูบลงถึง 20% เหลือเพียง 4.9 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
แม้ว่าการปรับโครงสร้างภาษีอาจจะมีผลกระทบต่อราคาบุหรี่และส่งผลกระทบต่อยอดขายภายในประเทศในระยะสั้น แต่ในระยะยาว การมีโครงสร้างภาษีที่ชัดเจนและเป็นธรรมจะช่วยให้ ยสท. สามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมั่นคงมากขึ้น และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
สถานการณ์ปัจจุบันของการยาสูบแห่งประเทศไทยเป็นเครื่องยืนยันถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษียาสูบ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบอัตราเดียว ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของรัฐและยสท. เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน ลดจำนวนผู้บริโภคยาสูบ และสร้างสังคมที่ปลอดบุหรี่อย่างยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันพิจารณาและสนับสนุนการใช้โครงสร้างภาษียาสูบอัตราเดียว เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายจากการหดตัวของธุรกิจยาสูบในปัจจุบัน
** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี