ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-18 เม.ย. 2568
ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทิศทางค่าเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงผลการประชุม ECB และธนาคารกลางเกาหลีใต้
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนเม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2568 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่องตามประเด็นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ โดยยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยร่วงลงกว่า 50 จุดและแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีครั้งใหม่ที่ 1,056.41 จุด สอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตลท. มีการประกาศปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ตเป็นการชั่วคราว (8-11 เม.ย.) เพื่อลดความผันผวนของตลาด
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปหลายตัว โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ พลังงาน และค้าปลีกที่ราคาปรับตัวลงไปค่อนข้างมากช่วงก่อนหน้านี้ ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศระงับใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน (ยกเว้นจีน) แต่กรอบการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ประกอบกับยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ในวันศุกร์ที่ 11 เม.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,128.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,675.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.90% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.48% มาปิดที่ระดับ 232.35 จุด
สัปดาห์ถัดไป (16-18 เม.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,100 และ 1,085 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี