กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเวทีให้ความรู้เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้ามะพร้าว สับปะรดแปรรูป เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก FTA กฎระเบียบการค้า กลยุทธ์การทำตลาด การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า และการผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า

นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้นำทีมวิทยากรจากภาครัฐและภาคเอกชน ลงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจัดสัมมนาให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้ามะพร้าวและสับปะรดแปรรูป ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อให้ความรู้เรื่องความตกลงการค้าเสรี (FTA) กฎระเบียบทางการค้า ทิศทางตลาด และกลยุทธ์การทำตลาด พร้อมทั้งเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ในการสร้างแต้มต่อทางการค้าและขยายการส่งออกไปตลาดการค้าเสรี ที่ไทยจัดทำ FTA แล้ว อาทิ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น พร้อมกับเตรียมตัวใช้ FTA เข้าสู่ตลาดใหม่ ที่ไทยได้ลงนามความตกลง และอยู่ระหว่างการเจรจา อาทิ สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ภูฏาน ศรีลังกา และสหภาพยุโรป

ทั้งนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศยังได้ใช้โอกาสนี้ รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมายและสร้างการมีส่วนร่วมต่อ FTA อีกทั้งเน้นย้ำเรื่องการยกระดับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล การพัฒนาที่ยั่งยืน ความใส่ใจเรื่องสินค้าปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเข้าสู่ตลาดในระยะยาว

โดยการเพิ่มมูลค่าสินค้า การรักษาคุณภาพและมาตรฐาน และการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันและจะช่วยให้สินค้าก้าวสู่ตลาดโลก โดยต้องเน้นการผลิตสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ออกแบบบรรจุภัณฑ์สวยงามสามารถดึงดูดผู้บริโภค พัฒนาสินค้าออร์แกนิกและอาหารปลอดภัยเพื่อสอดรับกับตลาดกลุ่มผู้รักสุขภาพ วางตำแหน่งตลาดที่ชัดเจน ใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่าเพื่อลดของเสียและเพิ่มผลตอบแทนให้เกษตรกร การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้จ.ประจวบคีรีขันธ์เป็นแหล่งผลิตมะพร้าวและสับปะรดคุณภาพสูง มีการแปรรูปสินค้าหลากหลาย ทั้งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แป้งมะพร้าว สับปะรดกระป๋อง น้ำสับปะรดเข้มข้น และแยมสับปะรด เป็นสินค้าส่งออกไปตลาดพรีเมียมในจีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรในพื้นที่ ผลผลิตที่ออกมามีตลาดรองรับและจำหน่ายได้ราคาสูง โดยผู้ประกอบการต้องการขยายตลาดส่งออกเพิ่มเติมและพร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA 

“เวทีสัมมนาครั้งนี้ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมะพร้าวและสับปะรดแปรรูปมีความเข้าใจเรื่อง FTA การติดตามสถานะความคืบหน้าของ FTA และกลยุทธ์การทำตลาด อีกทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างเกษตรกรกับผู้ส่งออกในการนำสินค้าเกษตรในพื้นที่เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลก และกรมอาจพิจารณาจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA และการเตรียมตัวส่งออกกับบริษัทที่มีศักยภาพต่อไป”นายธัชชญาน์พล กล่าว

-033