GARMIN พิสูจน์ความเป็นตัวจริงด้านผู้นำผลิตภัณฑ์จีพีเอสสมาร์ทวอทช์ระดับโลก นำร่องเปิดตัว นักวิ่งเลือดใหม่เข้าสู่ครอบครัว Garmin Thailand ภายใต้ #GarminTeamTH ในโปรเจค “GARMIN ATHLETE PROGRAM” ที่มุ่งผลักดันแนวคิด “TRAIN SMARTER” พัฒนาจุดเด่น แก้ไขข้อบกพร่อง และสนับสนุนการสร้างนักกีฬาให้มีดีเอ็นเอ NUMBER-CRUNCHING SKILL ทักษะที่ใช้การคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการฝึกซ้อมสู่วงการกีฬาไทย ผ่านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬาและการเก็บข้อมูลที่สำคัญจากการออกกำลังกาย ประเดิมกิจกรรมแรกกับการเข้าทดสอบ VO2Max การวัดความสามารถของระบบหัวใจและหลอดเลือด และ Running Analysis การวิเคราะห์ท่าทางการวิ่ง ณ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์การเรียนรู้และวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬาและการออกกำลังกาย พร้อมยกระดับกระบวนการติดตามข้อมูลผ่าน VO2Max และ Running Dynamics จากสมาร์ทวอทช์ของ Garmin สร้างความต่อเนื่องตลอดทั้งกระบวนการการฝึกซ้อมสู่การแข่งขันจริง
นางสาวหรรษา อาภานุกูล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “Garmin สนับสนุนให้นักกีฬาใช้ข้อมูลจากการฝึกซ้อมเพื่อปรับแผนการฝึกซ้อมให้เหมาะสมกับตนเองมาอย่างต่อเนื่อง (Collect data, track progress) เพราะเชื่อว่าการฝึกซ้อมแบบรู้จุดเด่น และเข้าใจข้อบกพร่องของตัวเอง หรือ TRAIN SMARTER จะนำมาสู่ความสามารถในการดึงศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในตัวนักกีฬาแต่ละคนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ลดการบาดเจ็บ ได้รับการฟื้นฟูที่ดี และยังเชื่อว่าแนวคิด TRAIN SMARTER จะช่วยส่งผลให้นักกีฬาสามารถก้าวสู่วงการนักกีฬาอาชีพโดยมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์เต็มร้อย GARMIN ATHLETE PROGRAM จึงถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจคเพื่อสร้าง NUMBER CRUNCHING ATHLETES ตัวจริงที่จะนำข้อมูลการฝึกซ้อมมาใช้ต่อยอดและพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเป็นรูปธรรม”
โปรเจค GARMIN ATHLETE PROGRAM ต้องการบ่มเพาะนักกีฬาในทุกประเภทของ #GarminTeamTH ตั้งแต่นักกีฬาวิ่ง นักไตรกีฬา นักกีฬาวิ่งเทรล ให้มีดีเอ็นเอ NUMBER-CRUNCHING SKILL ทักษะที่ใช้การคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการฝึกซ้อม สู่วงการกีฬาไทย ผ่านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬาและการเก็บข้อมูลที่สำคัญจากสมาร์ทวอทช์ของ Garmin (Collect data, track progress) ด้วยความเชื่อที่ว่าการรู้จุดเด่น และเข้าใจข้อบกพร่องของตัวเอง หรือ TRAIN SMARTER คือสิ่งสำคัญที่นักกีฬาจะสามารถอยู่ในการแข่งขันได้อย่างยาวนานและยั่งยืนยิ่งขึ้น นอกจากการปลูกฝังในด้านแนวคิดแล้ว Garmin ยังสนับสนุนเงินอัดฉีด อุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ รวมถึงแพคเกจการตรวจสอบและฟื้นฟูร่างกายให้กับนักกีฬาอย่างครบวงจร เพื่อให้นักกีฬาสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของตัวเองให้เกิดขึ้นจนได้
การเข้าทดสอบสมรรถภาพในครั้งนี้ของนักกีฬาใน #GarminTeamTH ภายใต้โปรเจค GARMIN ATHLETE PROGRAM ประกอบด้วย 1) การวัดค่า VO2Max ความสามารถของระบบหัวใจและหลอดเลือด และ 2) การวัดค่า Running Analysis การวิเคราะห์ท่าทางการวิ่ง เพื่อค้นหาลักษณะที่อาจนำไปสู่การบาดเจ็บขณะวิ่ง ณ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์การเรียนรู้และวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬาและการออกกำลังกาย
1) VO2Max (Maximal Oxygen Consumption) เป็นค่าที่แสดงถึงความสามารถของร่างกายในการใช้ออกซิเจนขณะออกกำลังกายหนักที่สุด ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถภาพและความฟิตของหัวใจและปอด หากค่า VO2Max สูง ร่างกายก็จะยิ่งใช้ออกซิเจนได้มากขึ้น ทำให้มีความทนทานและประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย อาจารย์ ดร.ทศพร ยิ้มลมัย ประธานแขนงวิชาการเสริมสร้างสมรรถนะทางการกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า “การวัดค่า VO2Max สามารถทำได้หลากหลายวิธี และหนึ่งในนั้นคือการสวมใส่สมาร์ทวทอช์เพื่อติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกาย เมื่อนักกีฬารวมถึงผู้ที่ออกกำลังกายทราบค่า VO2Max จะทำให้รู้ถึงขีดความสามารถของตนเอง และสามารถนำไปใช้เพื่อการวางแผนฝึกซ้อมได้ ทำให้สามารถฝึกซ้อมได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2) Running Analysis คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวระหว่างการวิ่งในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อค้นหาขีดจำกัดและพัฒนาประสิทธิภาพในการวิ่งของนักกีฬา การวิเคราะห์นี้ช่วยระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของท่าวิ่งในแต่ละบุคคล และสามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงเทคนิคการวิ่งให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยพัฒน์ หล่อศิริรัตน์ คณบดี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง (monitoring) จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา หากนักวิ่งมีสมาร์ทวอทช์หรืออุปกรณ์วัดผลที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ ก็สามารถนำค่าต่าง ๆ มาวิเคราะห์และติดตามความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง”
“ผู้ใช้งานการ์มินจะสามารถดึงค่า VO2Max และ Running Dynamics หรือ ชุดข้อมูลที่ช่วยวิเคราะห์ท่าทางการวิ่งอย่างละเอียดจากสมาร์ทวอทช์ได้ โดยจะประกอบไปด้วย 7 ตัวชี้วัด ได้แก่ เวลาที่เท้าสัมผัสพื้นในแต่ละก้าว (Ground Contact Time: GCT) ความสมดุลของเวลาที่เท้าสัมผัสพื้นระหว่างขาซ้ายและขาขวา (Ground Contact Time Balance: GCTB) จำนวนก้าวต่อหนึ่งนาที (Cadence) ความยาวของก้าวในแต่ละก้าว (Stride Length) การเคลื่อนที่ขึ้นลงของร่างกายขณะวิ่ง (Vertical Oscillation) อัตราส่วนระหว่างการเคลื่อนที่ขึ้นลงและความยาวของก้าว (Vertical Ratio) และพลังที่ใช้ในการวิ่ง (Running Power) เมื่อนำข้อมูลการวิ่งที่ได้จากการเก็บรวบรวมทั้ง 2 ตัวซึ่งได้แก่ VO2Max และ Running Dynamics มาวิเคราะห์และประมวลผล จะทำให้นักกีฬารู้จักและเข้าใจสมรรถภาพร่างกายของตนเองได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการนำไปวางแผนและปรับใช้ในการฝึกซ้อมร่างกายและออกกำลังกาย โดยจะช่วยทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงท่าทางการวิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งและการออกกำลังกายได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการฝึกซ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งข้อดีของการมอนิเตอร์ผ่านสมาร์ทวอทช์ของ Garmin ทุกครั้งในการฝึกซ้อมผู้ใช้งานจะได้มาซึ่งความต่อเนื่องของข้อมูล” นางสาวหรรษา กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี