นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในปีงบประมาณ 2568 ว่า ปีนี้ DITP มีโครงรวมทั้งสิ้น 510 โครงการ กว่า 700 กิจกรรมย่อย มีเป้าหมายสร้างมูลค่าการค้ารวมประมาณ 92,363 ล้านบาท และผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ 261,804 ราย สามารถสร้างมูลค่าการค้าจากกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกได้มูลค่า 36,921 ล้านบาท ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ 42,409 ราย
สำหรับกิจกรรมสำคัญที่ได้ดำเนินการ อาทิ การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ 4 งาน คือ งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair (อัญมณีและเครื่องประดับ) THAIFEX Horec Asia (ธุรกิจ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่และธุรกิจจัดเลี้ยง STYLE Bangkok (ไลฟ์สไตล์และแฟชั่น) และ TAPA (ยานยนต์และชิ้นส่วน) สร้างมูลค่าการค้ารวม 11,169 ล้านบาท โดยมีส่วนช่วยผลักดันผู้ประกอบการ SME เปิดตัวสู่ตลาดต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก และยังได้สนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าอีก 3 งาน โดยประสานผู้ซื้อจากต่างประเทศมาเจรจาธุรกิจ คือ Bangkok Design Week (งานออกแบบ) ADFEST (งานโฆษณา) Bangkok Rights Fair (ซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือ) สร้างมูลค่าการค้าอีกกว่า 256 ล้านบาท
ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ กรมมีกำหนดจัดงานใหญ่ 3 งาน คือ THAIFEX Anuga Asia 2025 (27-31 พ.ค.) TILOG-Logistix (ส.ค.) Bangkok Gems and Jewelry Fair (ก.ย.) และสนับสนุนการจัดงานอีก 1 งาน คือ งาน Bangkok International Digital Content Festival (ส่งเสริมธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์) คาดว่า จะช่วยสร้างมูลค่าซื้อขายและนำรายได้เข้าประเทศอีกไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท
นางสาวสุนันทา กล่าวว่า DITP ยังได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ของกระทรวงพาณิชย์ ที่มี 7 มาตรการ 25 แผนงาน โดยรับผิดชอบมาตรการส่งเสริมตลาดต่างประเทศ และมาตรการยกระดับสินค้าผลไม้ไทย มีผลการดำเนินการที่สำคัญ คือ การจัดจับคู่ธุรกิจสินค้าผลไม้สด แปรรูป และผลิตภัณฑ์เกษตรอื่น ๆ ที่จัดต่อเนื่องทุกปี และปีนี้เป็นปีที่ 6 ประสบความสำเร็จเกินเป้า เกิดมูลค่าการค้า 115.287 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,035.045 ล้านบาท และยังได้ร่วมคณะนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปสปป.ลาวและจีน เพื่อสำรวจเส้นทางโลจิสติกส์ แก้ไขอุปสรรคการค้ารองรับฤดูการผลไม้ และหารือผู้นำเข้า เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายทุเรียนไทย
นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้าง ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในต่างประเทศ สามารถเชื่อมโยงซื้อขายลำไยจังหวัดลำพูนกับผู้นำเข้าอินโดนีเซีย มูลค่า 798 ล้านบาท นำผลไม้ไทยเข้าร่วมงานและประชาสัมพันธ์ ในแสดงสินค้า เช่น งาน Sial ฝรั่งเศส (ต.ค.67) BIOFACH เยอรมนี(ก.พ.68) Gulfood ยูเออี (ก.พ.68) Foodex Japan ญี่ปุ่น (มี.ค.68) World Travel Market (WTM) Latin America ณ เซาเปาโล บราซิล (เม.ย.) ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีแผนยกระดับผลไม้ไทยในงาน THAIFEX Anuga Asia 2025 (พ.ค.68) เข้าร่วมงาน Seoul Food & Hotel เกาหลีใต้ (มิ.ย.68) Fine Food Australia ออสเตรเลีย (ก.ย.68) และ China-Arab States Expo จีน (ก.ย.68) ทางด้านการส่งเสริม Soft Power ไทยสู่เวทีโลก DITP เป็นผู้สนับสนุน 6 อุตสาหกรรมจาก 14 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ หนังสือ เกม การออกแบบ แฟชั่น ภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ มีตลาดเป้าหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส สหรัฐฯ โดยผลการดำเนินงานช่วง 7 เดือน (ก.ย.67-มี.ค.68) สร้างมูลค่าการค้ากว่า 9,660 ล้านบาท ผู้ประกอบการได้ประโยชน์ 323 ราย
ขณะเดียวกัน มีแผนยกระดับและปรับภาพลักษณ์ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เพื่อขับเคลื่อน Soft Power ด้านอาหารไทย ยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในด้านอาหารไทยสู่ครัวของโลก ตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยจะปรับตราโดยเพิ่มสัญลักษณ์ “ดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้” ที่สื่อความหมายถึงความประณีตของกระบวนการปรุงอาหารไทย และนำมาใช้ในการจัดระดับการมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้กับร้านอาหารไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะคิกออฟในวันที่ 30 เม.ย.68 และจัดกิจกรรมยกระดับภาพลักษณ์อาหารไทยและตรา Thai SELECT ในวันที่ 28 พ.ค.68 โดยกราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นองค์ประธาน และทูตพาณิชย์จะดำเนินการคู่ขนานเพื่อโปรโมตตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ด้วย
สำหรับการเตรียมการรับมือกับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง มีการแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯ แล้ว และในส่วนของ DITP ได้เตรียมการรับมือ โดยสนับสนุนข้อมูลจากทูตพาณิชย์ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น ผลกระทบจากการขึ้นภาษี ผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าไทย การติดตามและประเมินท่าทีของประเทศต่าง ๆ ต่อมาตรการ การเร่งหาผู้นำเข้ารายใหม่ ๆ และการวางแผนร่วมกับภาคเอกชนรองรับผลกระทบ วางแผนการเปิดตลาดใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ
“วันที่ 25 เมษายนนี้ เราจะจัดสัมมนา ‘ถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ โอกาสสู่การค้ายุคใหม่’ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) ถนนรัชดาภิเษก อยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมฟังมุมมองอีกด้านหนึ่ง ว่าในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส แล้วเราจะคว้าโอกาสเหล่านั้นได้อย่างไร งานนี้เราจะเจาะลึกว่าสินค้าหลักของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ อยู่ตรงไหนในตลาดโลก คู่แข่งของเราต้องเจอกับอัตราภาษีเท่าไหร่ เปรียบเทียบกับเราแล้วเป็นอย่างไรเราจะได้เห็นภาพว่า การแข่งขันของไทยในตลาดนี้จะมีจุดแข็งอะไรบ้าง มีมาตรการอะไรที่รัฐสามารถช่วยสนับสนุน หรือในบางกรณีเราอาจไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะคู่แข่งเสียเปรียบเรื่องภาษีมากอยู่แล้ว และที่สำคัญ หลายประเทศยังมองว่าสินค้าไทยมีคุณภาพการสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้พูดคุย แลกเปลี่ยน และสะท้อนสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนอย่างตรงจุด”
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี