‘พิชัย‘ ลุย ครม.สัญจร นครพนม จัดสัมมนาใช้ประโยชน์ FTA ดันส่งออกไทยรับมือภาษีทรัมป์ เผยรัฐบาลนายกแพทองธารฯ ทำส่งออกไทยโตสูงสุดในรอบ 10 ปี
กรมการค้าต่างประเทศ แจ้งข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จัดสัมมนา “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” ณ โรงแรมแม่โขงเฮอริเทจ จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ภาคอีสานจากจังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร และหนองคาย ผ่านการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ท่ามกลางความผันผวนของการค้าโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่ วันที่ 28 เมษายน 2568 ณ โรงแรมแม่โขง เฮอริเทจ จังหวัดนครพนม
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเรื่อง “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” จัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ภายใต้โครงการส่งเสริม SMEs ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีผู้ประกอบการ SMEs สนใจเข้าร่วมมากกว่า 150 คน จาก 4 จังหวัดพื้นที่ภาคอีสาน ได้แก่ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และหนองคาย เพื่อสร้างความพร้อมในการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการส่งออกของไทย และเป็นอาวุธสำหรับผู้ประกอบการในการรับมือกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกของสหรัฐอเมริกา
นายพิชัย กล่าวว่า ที่ฝ่ายค้าน และนักการวิชาการ ตั้งข้อสังเกตว่า การส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่องมาสามเดือนติดเพราะผู้ประกอบการเร่งส่งออกเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาษีทรัมป์ ขอชี้แจงว่า เป็นความเข้าใจผิด เพราะภาษีทรัมป์อาจจะมีส่วนทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุนี้ทั้งหมด ทั้งนี้ เพราะทิศทางการส่งออกทั้งภาพรวมของไทยดีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ท่านนายกเข้ามารับตำแหน่ง เดือนตุลาคมส่งออกโต 14.6% พฤศจิกายน 8.2% ธันวาคม 8.7% ก่อนทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี
ในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม–มีนาคม) การส่งออกขยายตัว 15.2% รวมมูลค่า 81,532.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในแต่ละเดือนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มกราคม 13.6%, กุมภาพันธ์ 14% และมีนาคม 17.8% การส่งออกไทยโตต่อเนื่อง 6 เดือนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.9% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน
นายพิชัย ยังกล่าวถึงความสำเร็จในการผลักดัน FTA กับประเทศต่างๆ ว่า การทำข้อตกลง FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ที่มีประเทศมีกำลังซื้อสูงอย่างสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์สำเร็จได้ภายในเวลาเพียง 3 เดือน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
FTA มีความสำคัญมาก ช่วยให้ภาคส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเราทำ FTA กับ EFTA ได้สำเร็จ ก็เห็นสัญญาณบวกชัดเจน การส่งออกของไทยไปยังตลาดสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวต่อเนื่อง เดือนมกราคม 852% เดือนกุมภา 235% และเดือนมีนาคม 497% และขณะนี้ไทยยังเดินหน้าเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งคาดหวังว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ หากสำเร็จ ไทยจะมีความตกลงทางการค้ากับกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
หากเทียบกับเวียดนาม ซึ่งเคยมีการส่งออกตามหลังไทย แต่สามารถแซงไทยได้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จากการที่เวียดนามมี FTA กับ 57 ประเทศ แสดงให้เห็นว่า FTA มีบทบาทอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เราจึงพยายามเร่งเจรจา FTA กับเกาหลีใต้ UAE และอาเซียน-แคนาดา เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กว้างขึ้น
นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับการส่งออก ขอส่งเสริมให้ผู้ประกอบการให้ใช้วัตถุดิบจากภายในประเทศ (Local Content) มากขึ้น นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ รวมข้อมูลการค้าและบริการต่างๆ ของกระทรวง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
การสัมมนา “FTA ขยายธุรกิจ พิชิตส่งออก” ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 จากทั้งหมด 10 ครั้งที่กำหนดจัดขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งนายพิชัยเน้นย้ำว่าต้องการให้ผู้ประกอบการนำความรู้ไปใช้จริงในการขยายตลาดส่งออก พร้อมเชื่อมั่นว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยวจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยรัฐบาลยังเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศควบคู่ไปด้วย
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลการจัดสัมมนาเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือสอบถามรายละเอียดที่กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 02 547 4855 หรือสายด่วน 1385
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี