** เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2568 ประเทศไทยเกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีคไฟฟ้า) ขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ของปี 2568 โดยจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) พบว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) ในปี 2568 ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.2568 เวลา 20.47 น. มีการใช้ไฟฟ้าถึง 34,130.1 เมกะวัตต์…โดยหลังจากผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ สภาพอากาศในไทยกลับมาร้อนเพิ่มขึ้น ประกอบกับยังไม่มีฝนตก ส่งผลความร้อนสะสมต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 21-22 เม.ย. 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์สภาพอากาศร้อนสูงสุดในไทยที่ 40 องศาเซลเซียส บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อคลายความร้อน...ยอดการใช้ไฟฟ้าของไทยในปี 2568 นับตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงปัจจุบัน พบว่ามีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยเดือน ม.ค. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. 2568 เวลา 18.48 น. ที่ระดับ 27,953.3 เมกะวัตต์...เดือน ก.พ. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 28 ก.พ. 2568 เวลา 19.18 น. ที่ระดับ 30,942 เมกะวัตต์...เดือน มี.ค. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 29 มี.ค. 2568 เวลา 20.33 น. ที่ระดับ 33,658.3 เมกะวัตต์…และเดือน เม.ย. 2568 ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกิดขึ้นในวันที่ 22 เม.ย. 2568 เวลา 20.47 น. ที่ระดับ 34,130.1 เมกะวัตต์…!! สถิติพีคไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยังคงอยู่วันที่ 2 พ.ค. 2567 เวลา 22.24 น. เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าถึง 36,792.1 เมกะวัตต์ ดังนั้นพีคไฟฟ้าของปี 2568 ยังไม่ทำลายสถิติพีคไฟฟ้าของประเทศ....
** สถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด (ณ.วันที่ 20 เม.ย. 2568) ที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)...พบว่า ยังคงติดลบแต่ติดลบน้อยลงต่อเนื่องเหลือ -52,513 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบรวม -7,020 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -45,493 ล้านบาท…โดยวงเงินดังกล่าวยังนับว่าเป็นการติดลบที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยกองทุนน้ำมันฯ เริ่มกลับมาติดลบรอบ 2 เป็นประวัติการณ์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2564 ซึ่งขณะนั้นติดลบรวม -4,480 ล้านบาท จากสถานการณ์ราคา LPG โลกปรับตัวสูงขึ้นมาก จากนั้นในวันที่ 2 ม.ค. 2565 เริ่มติดลบมากขึ้นเป็น -5,945 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับสูงขึ้น และในวันที่ 1 ม.ค. 2566 การติดลบยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นระดับ -121,491 ล้านบาท ก่อนจะทยอยลดลงจนเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2567 เหลือ -80,101 ล้านบาท...!! สาเหตุที่กองทุนฯ ติดลบลดลงส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ก็เร่งเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งคืนกองทุนฯ หลังจากใช้พยุงราคาน้ำมันดีเซลมากว่า 2 ปี โดยการกู้ยืมเงินสถาบันการเงินรวม 105,333 ล้านบาท ตั้งแต่ 6 ต.ค. 2565-5 ต.ค. 2566…โดยปัจจุบันกองทุนฯ มีเงินไหลเข้าประมาณ 394 ล้านบาทต่อวัน (11,820 ล้านบาทต่อเดือน) ซึ่งมาจากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเข้ากองทุนฯ ได้ 132 ล้านบาทต่อวัน ( 3,960 ล้านบาทต่อเดือน) รวมทั้งจากผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ 243 ล้านบาทต่อวัน (7,290 ล้านบาทต่อเดือน) และมาจากโรงแยกก๊าซฯ อีก 19 ล้านบาทต่อวัน (570 ล้านบาทต่อเดือน)…ปัจจุบัน กบน.เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังนี้ เบนซินออกเทน 95 ถูกเก็บ 10.71 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เก็บ 2.70 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เก็บ 3.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เก็บ 4.40 บาทต่อลิตร…ส่วนกลุ่มดีเซลและดีเซล B20 เรียกเก็บ 3.30 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมเรียกเก็บ 4.80 บาทต่อลิตร...
** ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) ผู้นำธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายใต้แบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" .... มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น จำนวน 510,504,800 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 153,151,440 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568…โดยผลการดำเนินงานในปี 2567 ของ WP มีกำไรสุทธิ 140.88 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 19,021.96 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายก๊าซ LPG รวมกว่า 836,228 ตัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ จำนวน 783,812 ตัน และยอดขายต่างประเทศ จำนวน 52,416 ตัน…สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 WP ตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไม่ต่ำกว่าปีก่อน โดยจะมีการปรับแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดและด้านบริการ เพื่อการเพิ่มช่องทางการขายสินค้า และสร้างโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าถึงการให้บริการได้อย่างสะดวก และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น…นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาและมองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น รองรับแผนขยายจุดกระจายสินค้า จำนวน 5 แห่ง มูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 175 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และลงทุนในธุรกิจ Green Energy จำนวน 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มอีก 5 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมี 11 เมกะวัตต์ และลงทุนส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจำนวน 70 ล้านบาท...**
** กระบองเพชร**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี