นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งในปี 2568 รัฐบาลจะผลักดันให้เป็นปีทองแห่งการท่องเที่ยว พร้อมปรับรูปแบบเมืองรองการท่องเที่ยวเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้าง Soft Power ให้กับประเทศไทย ด้วยการทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยการเดินหน้าพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถเดินทางได้สะดวกและครอบคลุมทุกมิติ สำหรับด้านการคมนาคมทางอากาศ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้บูรณาการความร่วมมือกับสายการบิน โดยเพิ่มเส้นทางการบินมายังท่าอากาศยานนครพนมและสกลนคร เพื่อสนับสนุนและยกระดับการท่องเที่ยวเมืองรอง
อย่างไรก็ตามปัจจุบันท่าอากาศยานนครพนม มี 3 หลุมจอด สามารถเดินทางด้วยสายการบินพาณิชย์ในประเทศรวม 12 เที่ยวบิน แบ่งเป็น สายการบินไทยแอร์เอเชีย 8 เที่ยวบินต่อวัน และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ (เริ่มวันที่ 19 มิถุนายน 2568) 4 เที่ยวบินต่อวัน และในส่วนของท่าอากาศยานสกลนคร มี 4 หลุมจอด สามารถเดินทางด้วยสายการบินพาณิชย์ในประเทศรวม 8 เที่ยวบิน โดยมีสายการบินไทยแอร์เอเชียและนกแอร์ให้บริการสำหรับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหารนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) จัดพื้นที่ภายในและบริเวณโดยรอบท่าอากาศยานให้เกิดความสะดวก สะอาด และรวดเร็วแก่ผู้โดยสาร พร้อมกำชับเรื่องการจัดเตรียมไฟฟ้าสำรองในทุกท่าอากาศยานเมื่อยามเกิดเหตุฉุกเฉิน บริหารจัดการจุด Check in ให้มีความคล่องตัว ไม่ติดขัด รวมถึงให้เข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสิ่งของผิดกฎหมาย พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางไปยังสถานที่ภายในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง สามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงการจัดกิจกรรมภายในท่าอากาศยานตามแนวคิด “สนามบินมีชีวิต” เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของจังหวัด ชูจุดเด่นด้านต่างๆของจังหวัด สนับสนุนร้านค้าท้องถิ่นในชุมชนหรือจัดงานตามวันเทศกาลที่สำคัญของไทยภายในท่าอากาศยาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
นางมนพร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ ทย. ดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานนครพนมในปี 2568 ด้วยงบกว่า 165.99 ล้านบาท ดำเนินการแล้ว 4 โครงการ ประกอบด้วย งานปรับปรุงระบบประปา งานซื้อและติดตั้งผิวต่างสัมผัสสำหรับผู้พิการทางการมองเห็น จัดหาพร้อมติดตั้งระบบตรวจสอบรถยนต์เข้า-ออก และอยู่ระหว่างดำเนินการ 4 โครงการ ประกอบด้วย งานปรับปรุงระบบไฟฟ้าสนามบินทั้งระบบ จัดหารถดับเพลิง ระบบกริ่งสัญญาณเตือนฉุกเฉิน และงานก่อสร้างระบบจ่ายน้ำดับเพลิงอากาศยาน
สำหรับการพัฒนาท่าอากาศยานสกลนคร มีแผนงานดำเนินโครงการด้วยงบ 4.29 ล้านบาท จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย งานปรับปรุงระบบจ่ายไฟสำรองอัตโนมัติ จัดหาเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดแบบเดินผ่าน และงานระบบจ่ายน้ำดับเพลิงอากาศยาน
ส่วน บวท. มีแผนดำเนินโครงการในปี 2568-2572 ด้วยงบประมาณ 359.47 ล้านบาท จำนวน 4 โครงการ คือ 1.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบช่วยการเดินอากาศ ILS/DME (Instrument Landing System / Distance Measuring Equipment) งบ 208.91 ล้านบาท จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2569 ,2.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบ Digital Voice Recording and Replay System งบ 40.11 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้เดินทางไปการทดสอบและทดลองที่โรงงาน(Factory Acceptance Test: FAT) ณ โรงงานผู้ผลิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เรียบร้อยแล้ว ,3.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการจ่ายไฟฟ้าสำรอง(UPS) ณ สถานี NDB และอาคารหอควบคุมการจราจรทางอากาศ งบประมาณ 58.13 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติร่างขอบเขตงาน(TOR) และ 4.โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบ UPS ณ สถานี Localizer งบ 52.32 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวนร่าง TOR
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี