nn ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) ออกบทวิเคราะห์เรื่องการส่งออกของไทยในปี 2018 โดยระบุว่า มูลค่าการส่งออกไทยเดือน พ.ค. ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 11.4% YOY นำโดยการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติก ที่เติบโต 30.7%YOY และ 29.5% YOY ตามลำดับ ด้านการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหลักยังคงเติบโตสอดคล้องกับภาคการผลิตของโลก เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 25.2%YOY และ 10.8%YOY อย่างไรก็ตาม การส่งออกยางพาราและน้ำตาลยังหดตัวลง 17.5%YOY และ 13.4% YOY ตามลำดับ จากราคาในตลาดโลกที่ตกต่ำ ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 11.6%YOY
เศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปี 2018 จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันอาจได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยอีไอซีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2018 เฉลี่ยอยู่ที่ 72 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 33%YOY ในขณะที่ผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อการส่งออกไทยในปีนี้ยังมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถชดเชยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้ด้วยการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ที่ยังขยายตัวได้ดี
สงครามการค้ายังถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีต่อการส่งออกไทย
ในปี 2018 ยังมีค่อนข้างจำกัด แต่ในระยะต่อไปเหตุการณ์อาจรุนแรงขึ้นจนกระทบปริมาณการค้าและเศรษฐกิจโลก อีกทั้งนโยบายกีดกันทางการค้าอาจทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ผู้ผลิตต้องปรับเปลี่ยนแผนการผลิตหรือนำเข้า โดยอาจผลิตในประเทศมากขึ้นและลดการลงทุนนอกประเทศเพื่อผลิตสินค้าส่งออก ซึ่งจะกระทบการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สู่ไทย และกระทบมูลค่าการส่งออกของไทยในอนาคตอีกด้วย
ประเมินว่ามาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากจีน 1,102 รายการ (มูลค่ารวมราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) อาจกระทบการส่งออกสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จากไทยไปยังจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 0.34% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ขณะที่มาตรการตอบโต้ของจีนที่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 659 รายการ (มูลค่ารวมราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยรวมอาจไม่กระทบการส่งออกไทยมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสินค้าในหมวดเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับการส่งออกไทยค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ มาตรการตอบโต้ของจีนอาจส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าในกลุ่มเคมีภัณฑ์และพลาสติกของไทย เนื่องจากจีนอาจมีความต้องการสินค้าจากไทยมากขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐฯ
อีไอซีแนะผู้ประกอบการเฝ้าระวังเงินบาทผันผวน แม้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา การอ่อนค่าของค่าเงินบาทมีสาเหตุมาจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามทิศทางนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ที่มีแนวโน้มตึงตัว ประกอบกับความกังวลต่อนโยบายกีดกันทางการค้าก็ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น (risk-off sentiment) เงินทุนจึงไหลออกจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) รวมทั้งไทย ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าลงสนับสนุนรายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกไทยให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อีไอซีประเมินว่าเงินบาทยังมีความผันผวนซึ่งรวมถึงโอกาสในการกลับมาแข็งค่าจากหลายปัจจัย อาทิ ความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและการค้าโลกที่อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่า ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรเฝ้าระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
** ธนาคารไทยพาณิชย์ **
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี