nn ต้องว่ากรมศุลกากรคือด่านหน้าที่สำคัญในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายไม่ให้เข้ามาราชอาณาจักรไทย...ซึ่งกรมศุลกากร ในยุคที่มีอธิบดีกรมศุลกากรชื่อ พชร อนันตศิลป์...นั้นโชว์ผลงานการตรวจยึดยาเสพติดและสินค้าหนีภาษีและลักลอบนำเข้าได้มากมายจริงๆ...!! กระนั้นก็มีคนอยากจะฝากถึงท่านอธิบดี “พชร”ด้วยขอให้เคร่งครัดกับเรื่อง “หมูเถื่อน” ให้ด้วย...ซึ่งถ้าจะแสดงออกว่าไม่ได้ละเลยเรื่องนี้...ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ...อยากจะให้ทางกรมศุลกากรเร่งตรวจสอบตู้ตกค้างในโครงการท่าเรือสีขาว...เพราะจากวันที่แถลงข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ว่ามีตู้ตกค้างมากถึง 331 ตู้ และมีการสุ่มเปิดตู้ต่อหน้าสื่อมวลชนเพียง 5 ตู้ เท่านั้นเอง...ที่เหลือกว่าอีก 300 ตู้...เขายังไม่ทราบผลการตรวจสอบเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีการเปิดตู้ตรวจสอบไปหมดหรือยัง...!! อันนี้ต้องเข้าใจเขานะท่านอธิบดี...เปิดมา 5 ตู้เจอหมูเถื่อนถึง 3 ตู้...ไม่รู้ว่าอีกกว่า 300 ตู้เปิดมาจะเจออีกเท่าไหร่…!! ไม่หนักหนาอะไรก็ช่วยทำความกระจ่างให้เขาหน่อยแล้วกันครับ...

nn การเลือกตั้งเปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน...แต่ละพรรคการเมืองก็เริ่มประโคมนโยบายออกมาแล้ว...ซึ่งส่วนใหญ่ก็“มีแต่ให้ๆๆๆๆๆ”...!! การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนไม่ใช่เรื่องไม่ดี...แต่ต้องบอกว่า “ไม่ใช่เอาปลาไปให้ แต่ต้องสอนและให้เครื่องมือเขาจับปลาเองเป็นด้วย”....มีแต่ให้ๆๆ อย่างเดียวที่ทำกันมาหลายสิบปีในรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา....ก็ต้องระวังระเบิดเวลา “หนี้สาธารณะ” ด้วย...เช็คกับกระทรวงการคลังเขาด้วยว่าฐานะเงินของชาติมีเหลือเฟือที่จะแจกกันแบบสะบั้นหั่นแหลกแบบนั้นไหม...

nn พูดถึงเรื่องการเมือง..ก็ให้นึกได้ว่ารอบนี้ประชาชนเขาอยากเห็นมือเศรษฐกิจเจ๋งๆ มานำพาเศรษฐกิจไทยให้ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจโลกและความผันผวนจากภายนอกได้....ที่สำคัญต้องสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับกลุ่มคนระดับรากหญ้า...ซึ่ง...แวดวงการเงิน..ก็นึกถึง...คุณชาติชาย พายุหนาวีชัย อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กสิกรไทย และอดีต ผู้อำนายการ ธนาคารออมสิน...ซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 2 ของ พรรคชาติไทยพัฒนา...!! แวดวงการเงิน...การันตีได้เลยว่า...ในอันดับนี้...ได้เดินเข้าสภาฯในฐาน สส.สมัยแรกได้แน่ๆ...แล้วก็เชื่อเหลือเกินจะเป็นอีกหนึ่ง สส.น้ำดี ที่ประชาชนต้องการ...

nn ปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยมีแนวโน้มเติบโตดี คือ ประมาณ 4-6% ตามปัจจัยบวกจากการรับประกันภัยรถที่มีสัดส่วนเบี้ยสูง และประกันประเภทอื่นที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย...แต่ว่า แรงสะเทือนจากการรับประกันโควิด-19 ยังไม่จบ...แม้ว่ากรมธรรม์เจอจ่ายจบหมดไปแล้ว พร้อมกับการปิดตัวลงของบริษัทประกันภัย 4 แห่ง และอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ 1 แห่ง...แต่ก็ยังมีภาระหนี้สินต่อผู้เอาประกันที่ค้างจ่ายอีกกว่า 5 หมื่นล้านบาท...ซึ่งเป็นภาระผูกพันที่ส่งต่อให้กับกองทุนประกันวินาศภัยและคงต้องใช้เวลาในการดูดซับความเสียหายที่เกิดขึ้น...nn

อนันตเดช พงษ์พันธุ์