บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็กวิเคราะห์หุ้นบริษัทตาชำนิ หรือ CEYE ทิศทางการดำเนินงานช่วง 1Q66 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบ YoY และ QoQ จากความต้องการด้านครีเอทีฟและโปรดักชั่นโฆษณาที่ฟื้นตัวโดดเด่นโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ 1H65 ที่ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าธุรกิจที่หลากหลายทั้งกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รถยนต์ การเงิน และสินค้าอุปโภค-บริโภค ล่าสุดบริษัทรับงานจากจีนเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ 1Q66 เป็นต้นไป และการเริ่มรับรู้รายได้บริษัทใหม่ที่เข้าไปลงทุน (บริษัท ซีอาล๊อต บูทีค โพสท์โปรดักชั่น (ZEALOTS) ผู้ดำเนินธุรกิจ Post-Production ภาพเคลื่อนไหวและ บริษัท เออเบิร์น มีเดีย ครีเอชั่น (UMC) ธุรกิจตัวแทนโฆษณา) ช่วยต่อยอดธุรกิจต้นน้ำและปลายน้ำของอุตสาหกรรม ซึ่งปกติบริษัทจะมีงานมากในช่วง Q1 และ Q4ของทุกปี ฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายได้และกำไรช่วง 1Q66 ราว 120 ล้านบาท (+10%QoQ, +11%YoY)และ 22 ล้านบาท (+10%QoQ, +7%YoY)

ด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นมากจากอุตสาหกรรมอุปโภค-บริโภค โอเปอเรเตอร์ค่ายต่างๆ บริการโอทีที (บริการเนื้อหาวีดีโอโดยการสตรีมผ่านอินเตอร์เนต) อุตสาหกรรมยานยนต์ และ บริษัทอีคอมเมิร์ซที่กลับมาดำเนินกิจกรรมด้านการขายและการตลาดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับแผนขยายงานออนไลน์โปรดักชั่นในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่ให้บริการเพียงภาพนิ่งเป็นหลัก จากพันธมิตรใหม่ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น 13% เป็น 450 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเป้าหมายของผู้บริหาร การปรับเพิ่มสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 29.5% เป็น 30% (เมื่อเทียบกับระดับ 34% ช่วง 4Q65) ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% เป็น 67 ล้านบาท เติบโต 29%YoY เติบโตต่อเนื่องแม้ว่าปี 2565เติบโต 83%YoY

การประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้ Prospective PER เท่ากับ 30x ตามเดิมใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ย ระหว่างปี2564-2566 ขณะที่ประมาณกำไรสุทธิต่อหุ้น ปี 2566 ใหม่หลังปรับเพิ่มจำนวนหุ้น PP อยู่ที่ 0.23 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 0.237บาท) คำนวณเป็นราคาเหมาะสมได้เท่ากับ 7 บาท (เดิม 7.12 บาท) ซึ่งยังมี upside เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ที่มา : บล.โกลเบล็ก